ลูกกัดดาฟี' กร้าว ฆ่าเป็นพัน ถ้าไม่ยุติประท้วง
จะยิงจนกระสุนนัดสุดท้าย ตอนนี้ยอดตายแล้ว233ศพทูตลิเบียลาออกต่อต้านรัฐ
กระแสประท้วงโค่นเผด็จการ เรียกร้องประชาธิปไตยในดินแดนอาหรับยังระอุ โดยเฉพาะที่ลิเบีย นับวันยิ่งเดือด หลังรัฐบาล กัดดาฟีใช้ทหารออกปราบไล่ยิงผู้ชุมนุมตายแล้ว 233 ศพ เจ็บเพียบแม้แต่ทูตลิเบียในหลายประเทศยังทนไม่ได้ ประกาศลาออกมาร่วมประท้วงรัฐบาลตัวเอง เหตุจ้างทหารต่างชาติมาเด็ดหัวคนในชาติ ขณะที่ครอบครัวแรงงานไทยเผยสถานการณ์ในพื้นที่สุดอันตราย ผู้ประท้วงเตรียมเผาเมือง ระบุแม้จะมีเครื่องบินไปรับกลับ แต่ก็ต้องเสี่ยงชีวิตจากที่พักไปสนามบิน ขณะเดียวกัน อีกหลายสิบประเทศการเรียกร้องให้เปลี่ยนแปลงทางการเมืองยังคุ และลุกลามสู่ประเทศอื่นๆไม่หยุด
สำนักข่าวต่างประเทศเกาะติดสถานการณ์ประชาชนในประเทศแถบแอฟริกาเหนือและตะวันออกกลาง ออกมาชุมนุมประท้วงขับไล่รัฐบาลและเรียกร้องความเปลี่ยนแปลงซึ่งขณะนี้มีอยู่ถึง 14 ประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ชาวลิเบียลุกฮือประท้วงขับไล่โค่นอำนาจพันเอกโมอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำผูกขาดอำนาจปกครองประเทศลิเบียมานานถึง 42 ปี ถือว่าสถานการณ์รุนแรงที่สุด โดยตลอดช่วงการประท้วงโค่นอำนาจนายกัดดาฟีที่เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมา จนถึงวันที่ 21 ก.พ. มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 233 ราย บาดเจ็บจำนวนมาก โดยมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของลิเบียใช้อาวุธปืนนานาชนิดกราดยิงเข้าใส่กลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลอย่างไร้ความปรานี ไม่เว้นแม้กระทั่งกลุ่มคนผู้ร่วมแสดงความอาลัยในพิธีศพเหยื่อเคราะห์ร้ายที่เสียชีวิตจากการประท้วงต่อต้านรัฐบาล โดยมีรายงานว่าผู้เสียชีวิต เฉพาะในวันที่ 2 ของการประท้วงรัฐบาล ที่บริเวณเมืองเบนกาซี เมืองใหญ่ อันดับ 2 ของประเทศ เพียงวันเดียวมากกว่า 60 ศพ
นอกจากนี้ นายซาอิฟ อัล-อิสลาม กัดดาฟี ลูกชายนายกัดดาฟี ยังได้ออกมากล่าวสุนทรพจน์ผ่านทางโทรทัศน์แห่งชาติเป็นครั้งแรก เมื่อคืนวันที่ 20 ก.พ. ตามเวลาท้องถิ่น โดยประกาศกร้าวว่าลิเบียอาจต้องเผชิญสภาพสงครามกลางเมือง ถ้ากลุ่มผู้ประท้วงรัฐบาลไม่ยอมรับข้อเสนอปฏิรูปการเมืองจากฝ่ายรัฐบาล
"ลิเบียกำลังเข้าสู่ทางแยกสำคัญ ถ้าวันนี้พวกเราทุกคนไม่ยอมรับการปฏิรูป ผู้คนล้มตายจะไม่ใช่แค่ 84 ศพ แต่อาจเป็นหลายพันคน แม่น้ำสายเลือดจะไหลท่วมท้น ทั้งประเทศ นี่คือการเคลื่อนไหวของฝ่ายค้านหวังโค่นอำนาจรัฐบาล คือภัยคุกคามเอกภาพของประเทศ รัฐบาลจำเป็นต้องใช้อาวุธ เราจะสู้จนหมดกระสุนปืนนัดสุดท้าย หรือเหลือทหารคนสุดท้าย แม้ว่าฝ่ายรัฐบาลจะเป็นผู้หญิงก็ตาม ใครก็ตามที่ถืออาวุธจะต้องถูกฆ่า ลิเบียไม่ใช่อียิปต์ ไม่ใช่ตูนิเซีย ความพยายามปฏิวัติรัฐบาลผ่านเฟซบุ๊กต้องถูกต่อต้านอย่างรุนแรง เราจะไม่ปล่อยลิเบียให้ตกเป็นของอิตาลี หรือของชาวเติร์ก" นายซาอิฟกล่าว
ข่าวแจ้งว่า สถานการณ์ประท้วงก่อจลาจลในลิเบียยังลุกลามต่อเนื่อง มีรายงานกลุ่มคนราว 500 คน ยกกำลังบุกปล้นสะดมพื้นที่ก่อสร้างของบริษัทเกาหลีใต้ ใกล้กรุงตริโปลี ทำร้ายแรงงานชาวบังกลาเทศบาดเจ็บ 15 ราย ชาวเกาหลีใต้ บาดเจ็บ 3 ราย ทั้งยังมีเหตุปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้ต่อต้านและสนับสนุนพันเอก
กัดดาฟีในหลายพื้นที่ทั่วกรุงตริโปลี นอกจากนั้นยังมีรายงานว่า อาคารที่ทำการของรัฐบาลหลายแห่งถูกเผา กลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลยังบุกทำลายอาคารสถานีโทรทัศน์และสถานีวิทยุของรัฐหลายแห่ง
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่านายอับเดล โมเนอิม อัล-โฮนี ทูตพิเศษของลิเบียประจำสันนิบาตชาติอาหรับ 22 ประเทศ ประกาศลาออกจากตำแหน่ง เพื่อร่วมอุดมการณ์กับกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลนายกัดดาฟี เช่นเดียวกับนายฮุสเซน ซาดิค อัล มุสราตี ทูตลิเบียประจำประเทศจีน และนายอาลี อัล-อิสซาวี ทูตลิเบียประจำอินเดีย ขอลาออกจากตำแหน่ง เพื่อประท้วงรัฐบาลลิเบียที่ใช้ความรุนแรงต่อประชาชน ทั้งยังยืมมือทหารรับจ้างต่างชาติเข้ามาเข่นฆ่าชาวลิเบียถึงในประเทศ
ขณะที่ปฏิกิริยาจากนานาชาติต่อสถานการณ์รุนแรงในลิเบีย รัฐบาลสหรัฐอเมริกาแถลงเรียกร้องให้รัฐบาลลิเบียหยุดใช้ความรุนแรงปราบปรามประชาชนผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตย ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐฯอยู่ระหว่างวิเคราะห์คำพูดท่าทีของลูกชายนายกัดดาฟีว่ามีความจริงใจต่อการปฏิรูปการเมืองการปกครองมากน้อยเพียงใด ส่วนสหภาพยุโรปจัดประชุม รมว.ต่างประเทศ ร่วมประณามรัฐบาลลิเบียใช้ความรุนแรงกดขี่ปราบปรามผู้ประท้วงรัฐบาล ขณะที่รัฐบาลฝรั่งเศสเรียกร้องประชาคมโลกให้ช่วยหันเหสภาพสงครามกลางเมืองออกไปจากลิเบีย เช่นเดียวกับนายบัน คี มูน เลขาธิการสหประชาชาติ เรียกร้องยุติความรุนแรงในลิเบีย และให้รัฐบาลเคารพสิทธิเสรีภาพประชาชน ขณะเดียวกัน รัฐบาลนานาประเทศ ตั้งแต่สหรัฐฯ ออสเตรเลีย บราซิล ฟิลิปปินส์ และตูนิเซีย ต่างเตือนพลเมืองของตนให้หลีกเลี่ยงการเดินทางเข้าลิเบีย รวมถึงระมัดระวังการเดินเข้าประเทศแถบตะวัน–ออกกลางและทวีปแอฟริกาเหนือ ซึ่งมีปัญหาการประท้วงรัฐบาล
นอกจากนี้ วันเดียวกัน ครอบครัวของแรงงานไทยในลิเบียออกมาเปิดเผยถึงสภาพความเป็นอยู่ของคนไทยในลิเบียขณะนี้ว่า มีความเป็นอยู่ยากลำบากและเสี่ยงอันตราย โดยนางอุบลรัตน์ เอมอยู่ อายุ 40 ปี ชาวตำบลตากออก อ.บ้านตาก จ.ตาก ภรรยาคนงานในประเทศลิเบีย กล่าวว่า สามีไปทำงานได้ประมาณ 6 เดือน ขณะนี้ติดต่อทางโทรศัพท์ยากมาก ล่าสุดสามีบอกว่าออกไปไหนไม่ได้มีแต่อันตราย ต้องอยู่แต่ในแคมป์ การกินอยู่ลำบากมาก ส่วนนางจันทร์วัน ราชสอด อายุ 47 ปี ชาวตำบลตากออกเช่นกัน เปิดเผยว่า สามีชื่อนายเทียน ราชสอด อายุ 45 ปี ไปทำงานที่ประเทศดังกล่าวพร้อมกับสามีของนางอุบลรัตน์ ตอนนี้อยากให้สามีกลับประเทศไทย เพราะทราบว่าอันตรายมาก ด้านนางยุพิน ชัยชนะ อายุ 45 ปี กล่าวว่า สามีชื่อนายมงคล ชัยชนะ อายุ 38 ปี ไปทำงานเป็นหัวหน้าคนงาน ติดต่อกับสามีทราบว่า พื้นที่ที่อยู่อันตรายอย่างมาก เพราะผู้ประท้วงได้ราดน้ำมันเตรียมเผาเมือง และในคืนวันที่ 21 ก.พ. จะมีเครื่องบิน 3 ลำ ไปรับที่สนามบินใกล้ที่ทำงาน แต่ทุกคนต้องเสี่ยงชีวิตวิ่งไปขึ้นเครื่องที่สนามบินไกล ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 3 กิโลเมตร
ส่วนสถานการณ์ความไม่สงบในอีกหลายประเทศ เช่น ในบาห์เรน ยังคงมีประชาชนปักหลักกางเต็นท์ประท้วงรัฐบาลบริเวณจัตุรัสเพิร์ล กลางกรุงมานามา หลังเหตุปะทะรุนแรงระหว่างผู้ประท้วงกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลทำให้มีผู้เสียชีวิต 7 ราย กระทั่งต่อมา ชีค ซัลมาน บิน ฮาหมัด อัล-คาลีฟา เจ้าชายแห่งราชวงศ์อัล-คาลีฟา แห่งบารห์เรน เร่งให้ทุกฝ่ายเจรจาไกล่เกลี่ย กระนั้น กลุ่ม ส.ส.ฝ่ายค้านยังต้องการให้เจ้าชายส่งสาส์น หรือแสดงสัญญาณที่ชัดเจนเรื่องการปฏิรูปการเมืองให้อำนาจประชาชนเลือกตั้งรัฐบาลโดยตรง รวมถึงปล่อยนักโทษการเมือง ก่อนตกลงร่วมโต๊ะเจรจากัน
เช่นเดียวกับเหตุวุ่นวายในจอร์แดน กษัตริย์อับดุลเลาะห์ที่ 2 แห่งจอร์แดน ทรงวอนให้รัฐบาลรีบปฏิรูปเพิ่มบทบาทบริหารประเทศกับประชาชน รวมถึงเพิ่มเสรี–ภาพทางการเมืองและเร่งปราบปรามคอรัปชัน "ให้เร็วและจริงจังจริงใจ" กระนั้น พระองค์ไม่ได้ตรัสถึงการลิดรอนอำนาจของพระองค์ที่มีต่อตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและคณะทำงานในสภา
ส่วนในเยเมน ประธานาธิบดี อาลี อับดุลเลาะห์ ซาเลห์ เสนอขอเจรจากับฝ่ายค้านที่เรียกร้องให้นายซาเลห์ ซึ่งเป็นพันธมิตรกับสหรัฐอเมริกา แต่กลับปกครองประเทศยากจนที่สุดในโลกอาหรับมานานถึง 32 ปีลาออกสถานเดียว ไม่สนใจคำมั่นสัญญาของนายซาเลห์ที่ว่าจะไม่ลงสมัครเลือกตั้งอีกใน 2 ปีข้างหน้า รวมถึงไม่ตั้งลูกชายสืบทอดอำนาจทางการเมือง
ขณะเดียวกัน การประท้วงในโมร็อกโก ถือเป็นประเทศล่าสุดในแอฟริกาเหนือ ที่ประชาชน 2,000-3,000 คน ชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล รวมถึงการประท้วงในอีกหลายหัวเมือง เพื่อขอให้มีการปกครองระบอบประชาธิปไตยมากขึ้น โดยร้องตะโกนขอเปิดโอกาสให้ประชาชนในด้านเศรษฐกิจ ปฏิรูปการศึกษา บริการสุขอนามัยที่ดีขึ้น และแก้ปัญหาราคาสินค้าแพง อีกทั้งกดดันกษัตริย์โมฮัมเหม็ดที่ 6 ให้ทรงลดบทบาททางการเมือง แม้ภาพลักษณ์ของพระองค์ทรงเป็นนักปฏิรูป แต่ยังทรงกุมอำนาจในหน่วยงานรัฐอย่างเบ็ดเสร็จ
ขณะที่ ตูนิเซีย รัฐบาลชั่วคราว ได้ถามไปยังรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย เกี่ยวกับอาการป่วยของอดีตผู้นำตูนิเซีย นายซิเน เอล อาบิดีน เบน อาลี ซึ่งอยู่ในขั้นโคม่า โดยขอให้รัฐบาลซาอุดีอาระเบียส่งตัวนายเบน อา–ลี กลับประเทศเพื่อดำเนินคดี ทั้งที่รัฐบาลชั่วคราวของตูนิเซียเอง ยังถูกประชาชนออกมาเคลื่อนไหวประท้วงเรียกร้องให้เปลี่ยนรัฐบาล ขณะเดียวกัน มีเหตุประท้วงรัฐบาลในอีกหลายประเทศ ตั้งแต่โอมาน คูเวต อิหร่าน แอลจีเรีย ดาจิบูติ และซีเรีย ขณะที่สถานการณ์ประท้วงในอียิปต์เริ่มกลับสู่ภาวะปกติ ธนาคาร สถาบันการเงินและแหล่งท่องเที่ยวเริ่มเปิดให้บริการและรับนักท่องเที่ยวบ้างแล้ว แม้ยังมีการชุมนุมของคนกลุ่มเล็กๆ คอยติดตามท่าทีดำเนินการของรัฐบาลชั่วคราว
วันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
ข่าววันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2554
ยิงจรวด-ปาระเบิดใส่ แต่ถูกตอบโต้จนถอย 'นัมฮง'ตวัดลิ้นกัดอีก
"ฮอร์ นัมฮง" ลิ้นลื่นได้อีก หันไปอ้อนอาเซียน ร้องขอให้ส่งคณะผู้สังเกตการณ์ เข้าพื้นที่ปราสาทพระวิหาร จับตาดูการหยุดยิง หลังซัดไทยเมินคำสั่งยูเอ็นเอสซี กองทัพบก แฉเขมรเหิมยิงลูกระเบิดใส่ไทยไม่หยุด หวังเจาะรั้วลวดหนามบุกชายแดนไทย ลั่นไทยไม่เคยยิงก่อน ชี้ผู้นำทหาร 2 ฝ่ายคุยเข้าใจ หยุดยิง แต่ทหารระดับล่างไม่ฟัง ด้าน ผบ.ทหารสูงสุดติงเขมรเพื่อนบ้านที่ดีต้องหยุดยิง ยันไทยจำเป็นต้องโต้ตอบด้วยความปวดร้าว ลั่นทหารไทยมีวินัย
ภายหลังที่ฝ่ายเขมรเปิดฉากยิงถล่มใส่ทหารไทย จนเกิดการปะทะกันอีกระลอก เมื่อเช้ามืดวันที่ 15 ก.พ. ที่บริเวณภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เป็นเหตุให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ถูกนำตัวไปรักษาที่ รพ. สรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี ทำให้ฝ่ายทหารไทย ต้องเตรียมพร้อมเฝ้าระวังการโจมตีจากฝ่ายทหารกัมพูชาตลอดทั้งวัน แต่ก็ไม่มีเหตุการณ์ใดๆเกิดขึ้น โดยเหตุการณ์ ดังกล่าวเกิดขึ้นคล้อยหลังมติของยูเอ็นเอสซี ที่เมินคำร้องขอของกัมพูชาให้ส่งกองกำลังสันติภาพเข้ามาตรึงชายแดน ทั้งยังให้ไทย-กัมพูชาหยุดยิงถาวร แล้วเปิดการเจรจาแบบทวิภาคี หาแนวทางสู่สันติภาพแก้ปัญหาพิพาทชายแดนของทั้ง 2 ประเทศ
ทหารไทยรุกคืบโจมตีกลับทหารเขมร
ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 16 ก.พ. ถึงสถานการณ์ ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ หลังทหารเขมรเหิมเปิดศึกปะทะไทยเย้ยมติยูเอ็นเอสซี เมื่อ เช้ามืดวันที่ 15 ก.พ.ว่า หลังจากที่ทหารกัมพูชาที่ประจำการบนภูมะเขือ ซึ่งเป็นบริเวณพื้นที่ทับซ้อน ได้ขว้างระเบิดพกประจำกายมายังทหารไทยที่วางแนวอยู่ตามแนวชายแดน และทหารไทยได้ใช้ปืนประจำกายยิงตอบโต้เป็นระยะตลอดคืน พร้อมยิงปืนใหญ่สนับสนุนไปอีก 3 นัด แต่ไม่มีการยิงโต้ตอบจากฝ่ายกัมพูชา กระทั่งเวลาประมาณ 03.00 น. วันที่ 16 ก.พ. กำลังทหารไทยได้รุกคืบเข้าโจมตีอย่างหนัก จนถึงเวลา 05.00 น. จึงถอนกำลังกลับโดยกำลังทหารไทยปลอดภัย สำหรับสาเหตุทหารเขมรลอบโจมตีครั้งนี้ เนื่องจากกำลังพลในพื้นที่มีความหวาด ระแวง และช่วงกลางคืนทหารกัมพูชามักจะลาดตระเวนเข้ามาใกล้แนวเขตของทหารไทย พร้อมเปิดฉากยิงยั่วยุอยู่เสมอ
ตลาดช่องจอมคึกเขมรแห่ซื้อของ
ที่จุดผ่านแดนถาวรช่องจอม อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ อยู่ติดกับชุมชนโอร์เสม็ด ต.โอร์เสม็ด อ.สำโรง จ.อุดรมีชัยของกัมพูชา มีพ่อค้าแม่ค้าชาวเขมรเดินทางเข้ามาซื้อสินค้าที่ตลาดการค้าชายแดนฝั่งไทยตามปกติ แม้ว่าพื้นที่เขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ จะยังมีการปะทะของทหารทั้ง 2 ประเทศก็ตาม และทางกัมพูชามีคำสั่งห้ามทหารและเจ้าหน้าที่ประจำด่านพกอาวุธอย่างเด็ดขาด เพื่อไม่ให้ พ่อค้าแม่ค้าและนักท่องเที่ยว นักพนันชาวไทย หวั่นวิตกหรือหวาดกลัว อย่างไรก็ตาม กำลังทหารไทยยังวางแนวป้องกันตลอดแนวชายแดนตั้งแต่ช่องจอม ช่องกร่าง ปราสาทตาควาย ต.บักได ปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ โดยมีทหารพรานและทหารกองพล ร.6 กอง กำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ร่วมด้วย เช่นเดียวกับฝ่ายกัมพูชา ทหาร 3 กองพัน จากกองพลน้อยที่ 42 ทหารภูมิภาคที่ 4 วางกำลังรักษาพื้นที่ตลอดแนวเช่นกัน
"ฮุน เซน" ประกาศไม่มีรบที่อรัญฯ
ส่วนด่านพรมแดนอรัญประเทศ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว กลุ่มพ่อค้า แม่ค้าและกรรมกรชาวเขมรกว่า 1 หมื่นคน แห่เดินทางเข้ามาเปิดร้านค้าขายและทำงานเป็นกรรมกรรับจ้างในตลาดโรงเกลือกันอย่างคึกคัก นอกจากนี้ยังมีการสั่งสินค้าจากฝั่งปอยเปตเข้ามาขายในตลาดโรงเกลือจำนวนมาก ทำให้ทั้งหน้าด่านพรมแดนอรัญประเทศและตลาดโรง เกลือ กลับมาคึกคักเหมือนเดิม สอบถาม พ.ต.ท.เบญจพล รอดสวาสดิ์ รอง ผกก.ตม.สระแก้ว เปิดเผยว่า หลังจากที่สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เดินทางมาเป็นประธานเปิดถนนสาย 59 ห่างจากชายแดนไทยประมาณ 13 กม. โดยสมเด็จฮุน เซน ได้กล่าวปราศรัยต่อหน้าประชาชนชาวเขมรกว่า 1 หมื่นคน ว่า ชายแดนปอยเปตกับชายแดนอรัญประเทศจะไม่มีการสู้รบ จะมีแต่การค้าขายและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อประชาชนทั้งสองประเทศ และจะจำกัดวงปะทะของทหารไทยและกัมพูชาให้อยู่เพียงพื้นที่ชายแดนปราสาทพระวิหารเท่านั้น ซึ่งจากคำประกาศดังกล่าวทำให้ประชาชนชาวเขมรที่อยู่บริเวณชายแดนและพ่อค้าแม่ค้าชาวเขมรในกรุงปอยเปต ต่างสบายใจและมั่นใจว่าบริเวณชายแดน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว และกรุงปอยเปต จะไม่มีการสู้รบกัน
สั่งถอนทหารกัมพูชากลับหมด
พ.ต.ท.เบญจพลกล่าวอีกว่า ในส่วนของนักท่องเที่ยวและนักพนันชาวไทยเริ่มทยอยเดินทางออกไปฝั่งเขมรเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักท่องเที่ยวและนักพนันชาวไทย เริ่มมั่นใจในความปลอดภัยแล้ว ส่วน พ.ต.อ.สุบิน บุญเล็ก ผกก.สภ.อรัญประเทศ ได้ประสานความร่วมมือกับ ร.อ.ชาญ ว่องไวเมธี ผบ.ร้อย ทพ.1206 ฉก.กรม.ทพ.12 กกล. บูรพา นำกำลังร่วมกันออกตรวจและลาดตระเวน รักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณชายแดน และภายในตลาดโรงเกลือ เพื่อป้องกันมิจฉาชีพชาวเขมร ลักลอบเข้ามาทำลายบรรยากาศการค้าขายในตลาดโรงเกลือที่กำลังจะเข้าสู่ภาวะปกติอย่างเข้มงวด สำหรับกำลังทหารและหน่วยองครักษ์ ของฮุน เซน ได้เดินทางออกจากพื้นที่ชายแดนปอยเปตหมดแล้ว แม้แต่รถถัง 3 คัน ที่ส่งมารักษาความปลอดภัยให้กับผู้นำกัมพูชาบริเวณบ้านเขาลูกช้าง อ.โอวจโรว จ.บันเตียเมียนเจย ก็ได้ถอนกลับออกไปหมดแล้ว
ห่วงเด็กศรีสะเกษสอบโอเน็ต
นายสัมพันธ์ พันธุ์พฤกษ์ ผอ.สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากเหตุทหารไทยกับกัมพูชา ปะทะกันอย่างต่อเนื่อง ตามแนวชายแดนจังหวัดศรีสะเกษ ทั้งนี้ในวันที่ 19-20 ก.พ.นี้ จะเป็นวันสอบแบบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน หรือโอเน็ต ระดับชั้น ม.6 ซึ่งเป็นการสอบที่มีความสำคัญต่อเด็กมาก โดยจะใช้เป็นส่วนประกอบหนึ่งของการสอบคัดเลือกเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย ทาง สทศ.จึงได้ประสานกับศูนย์สอบได้แก่ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ซึ่งดูแลสนามสอบใน จ.ศรีสะเกษ อย่างใกล้ชิด โดยให้คำนึงถึงความปลอดภัยของนักเรียนอย่างสูงสุด ซึ่งมีโรงเรียนที่เป็นสนามสอบโอเน็ต ม.6 ที่อยู่ใกล้แนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จำนวน 2 โรง ได้แก่ ร.ร.บึงมะลู มีนักเรียนสอบ 287 คน และ ร.ร.กันทรลักษ์วิทยา นักเรียนสอบ 794 คน ทั้งนี้ สนามสอบทั้ง 2 โรง ยืนยันกับ สทศ.ว่าสามารถจัดสอบได้ตามปกติ แต่ในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน ทางโรงเรียนได้เตรียมแผนสำรองไว้แล้ว โดยจะนำนักเรียนออกจากห้องสอบทันทีเพื่อความปลอดภัย ซึ่ง สทศ.จะพิจารณาหาทางช่วยเหลือต่อไป
มั่นใจทหารไทยไม่ทำให้เสียเปรียบ
อีกด้านเมื่อเวลา 09.00 น. วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ยูเอ็นเอสซีมีมติให้ไทยและกัมพูชาหยุดยิง แต่กลับมีเหตุการณ์ทหารเขมร ยิงปืนเกิดขึ้นอีกว่า เห็นใจพี่น้องทหารที่รักษาการณ์อยู่ตามแนวชายแดน แต่มั่นใจว่าแม้จะมีการกระทบกระทั่งกัน เพราะอีกฝ่ายต้องการทำให้สถานการณ์ไม่จบ แต่ทหารไทยจะไม่ทำให้ประเทศเราเสียเปรียบ และขอชื่นชมผู้บังคับ บัญชาที่อยู่ที่ชายแดน ที่ได้กำชับเจ้าหน้าที่ของเราให้อยู่ในระเบียบวินัย ไม่โมโหเวลาที่ถูกยั่ว แล้วไล่ติดตามเข้าไปในเขตเขา จนกลายเป็นประเด็นปัญหาทางการเมืองระหว่างประเทศต่อไป เมื่อถามต่อว่า เรายังจะรักษาภาพลักษณ์บทนางเอกกับบทตัวโกงได้อีกนานแค่ไหน นายสุเทพกล่าวว่า อย่าไปว่าเขาเป็นตัวโกง เป็นเรื่องระหว่างประเทศที่ต้องระมัดระวัง แต่ละคนแต่ละประเทศก็ต้องทำเพื่อประเทศตัวเอง เชื่อว่าในที่สุดความมีเหตุ มีผล การที่ต้องอยู่ภายใต้สายตาของประชาคมโลก เหมือนที่ผู้ชุมนุมที่ต้องอยู่ภายใต้สายตาของประชาชนทั้งประเทศ ก็ต้องถูกกดดันด้วยประชาคมโลก
บานปลายเพราะเขมรเกลียดรัฐบาลนี้
เมื่อถามว่า การที่เหตุการณ์ไม่ยอมยุติ เพราะกัมพูชา จงเกลียดจงชังรัฐบาลนี้ด้วยหรือไม่นั้น นายสุเทพกล่าวว่า คงมีหลายเรื่อง บางเรื่องเป็นเพราะว่าความล่าช้า ในกระบวนการขั้นเจรจาต้องมีขั้นตอนการปฏิบัติ เมื่อถามว่า การที่นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ และนายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ เดินทางไปร่วมเปิดนิทรรศการการแสดงสินค้าไทย ที่กรุงพนมเปญ ในวันที่ 17 ก.พ. จะทำให้สัมพันธภาพทางการค้าช่วยลดแรงกระทบด้านชายแดนบ้างหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า คิดว่ามีส่วน ที่สำคัญใจลึกๆของสมเด็จฮุน เซน ก็หวังที่จะให้ความสัมพันธ์ของไทย-กัมพูชาดีขึ้น เพราะการค้าของระหว่างประชาชน 2 ประเทศมีความหมายต่อการดำรงชีวิตของประชาชน
เขมรเมินบริหารร่วมพระวิหาร
เมื่อถามต่อว่า แต่ภาพที่เกิดขึ้นเหมือนการเล่นละครลิง เพราะมีการยิงกันจริง คนเจ็บเจ็บจริง แต่ 2 ประเทศยังไม่มีความชัดเจน ยังมีการไปจัดงานแสดงสินค้า การทูตสมัยนี้ทำไมเป็นเช่นนี้ นายสุเทพกล่าวว่า ต้องพยายามเข้าใจเพื่อนบ้านเราด้วย จะให้คิดแบบเราทุกอย่างคงไม่ได้ ต้องเข้าใจว่าเขาคิดอะไร มีอะไรที่เราสามารถร่วมมือได้ ตอบสนองได้ ความต้องการที่จะเข้าไปบริหารพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร บนปราสาทพระวิหารนั้นก็เป็นส่วนหนึ่ง การบริหารจัดการพื้นที่ร่วมกันนั้น เราเคยเสนอไปแล้ว ฝ่ายกัมพูชายังไม่เอาด้วย เมื่อถามว่า กัมพูชาไม่คิดจะญาติดีกับไทยแล้วใช่หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ไม่ใช่ เป็นเฉพาะเรื่อง โกรธกันบ้าง เรื่องดีกันบางเรื่อง
วธ.แปลแผนบริหารปราสาทฯค้านเขมร
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รมว.วัฒนธรรม กล่าวว่า จากการประชุมคณะรัฐมนตรีที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้กรมศิลปากร ดำเนินการใน 2 เรื่องเกี่ยวกับกรณีปราสาทพระวิหาร ดังนี้ 1. ให้กรมศิลปากรนำแผนบริหารจัดการพื้นที่ปราสาทพระวิหารที่กัมพูชาส่งไปยังคณะกรรมการมรดกโลกมาแปลเป็นภาษาไทย เพื่อนำมาใช้เป็นข้อมูลในการโต้แย้งและคัดค้านการขึ้นทะเบียนปราสาทของกัมพูชาในส่วนที่เราไม่เห็นด้วย 2. ให้กรมศิลปากรเตรียมข้อมูลทั้งหมด เกี่ยวกับปราสาทพระวิหารและพื้นที่โดยรอบ รวมทั้งโบราณสถานต่างๆที่เกี่ยวเนื่องกับปราสาทพระวิหารทั้งหมด เพื่อใช้สำหรับกรณีที่คณะกรรมการมรดกโลก 21 ประเทศ จะเข้ามาตรวจสอบปราสาทพระวิหารและมีการสอบถามข้อมูล นอกจากนี้ กระทรวงฯจะทำหนังสือโต้แย้งเกี่ยวกับการที่ยูเนสโกจะส่งทูตพิเศษเข้ามาตรวจสอบความเสียหายของปราสาทพระวิหาร เพราะช่วงเวลานี้ยังไม่ควรมา เพราะสถานการณ์ยังตึงเครียด จะทำให้เกิดความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
ขออาเซียนส่งผู้แทนสำรวจพื้นที่ปะทะ
ขณะเดียวกัน สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นายฮอร์ นัม ฮง รมว.ต่างประเทศของกัมพูชา แถลงที่กรุงพนมเปญเมื่อวันพุธที่ 16 ก.พ. ว่าระหว่างการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ ของสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ใน 22 ก.พ.นี้ กัมพูชาจะร้องขอให้อาเซียนส่งคณะผู้สังเกตการณ์ มาบริเวณปราสาทพระวิหาร เพื่อให้มั่นใจว่าข้อตกลงหยุดยิงถาวรได้รับการปฏิบัติตาม และต้องรอดูว่าฝ่ายไทยจะยอมรับเรื่องนี้หรือไม่ นายฮอร์ นัม ฮง ยังกล่าวหาว่า ไทยเพิกเฉยต่อข้อเรียกร้องของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ที่ขอให้คู่กรณีอดทนอดกลั้น ดังนั้น จึงจำเป็นที่อาเซียนจะต้องเข้ามาแทรกแซง เพื่อรับประกันว่าสันติภาพจะเกิดขึ้นที่ชายแดน ใกล้ปราสาทพระวิหารหลังเกิดการยิงปะทะกันในเดือนนี้
ให้สองฝ่ายเคารพข้อหยุดยิง
รอยเตอร์รายงานด้วยว่า ความเคลื่อนไหวของกัมพูชา ที่จะร้องขอให้อาเซียนส่งคณะผู้สังเกตการณ์มายังบริเวณปราสาทพระวิหาร ดูเหมือนจะทำให้ไทยขุ่นเคือง เพราะไทยเรียกร้องให้แก้ไขกรณีพิพาทแบบทวิภาคีมาตลอด และกล่าวหาว่ากัมพูชาพยายามทำให้ความขัดแย้ง กลายเป็นเรื่องระหว่างประเทศ ด้วยการยืนยันให้สหประชาชาติเข้ามาแทรกแซง ก่อนหน้านี้เมื่อ 14 ก.พ. นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศของไทย และนายฮอร์ นัม ฮง รมว.ต่างประเทศกัมพูชา ได้เข้าชี้แจงต่อยูเอ็นเอสซีในนครนิวยอร์ก ซึ่งยูเอ็นเอสซีแสดงความวิตกกังวลอย่างสูง ในการยิงปะทะระหว่างทหารไทยและกัมพูชาเมื่อ 4-7 ก.พ. ที่ผ่านมา พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีการเจรจาในระดับทวิภาคีและระดับภูมิภาค โดยยูเอ็นเอสซีปฏิเสธข้อเรียกร้องของกัมพูชา ที่ขอให้ ยูเอ็นส่งกองกำลังรักษาสันติภาพมายังเขตพิพาท และกระตุ้นให้ทั้งสองฝ่ายเคารพข้อตกลงหยุดยิงด้วย
ติงกัมพูชาอย่าเรื่องมากรีบเจรจา
วันเดียวกัน นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการ รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์อีกครั้ง ถึงกรณีที่นายฮอร์ นัม ฮง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศกัมพูชาระบุว่า จะขอให้อาเซียนส่งผู้แทนเข้ามาสำรวจพื้นที่ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า เป็นแค่เพียงความเห็นส่วนตัวของนายนัม ฮง เพราะเมื่อครั้งที่นายมาร์ตี้ นาตาเลกาวา รมต.ต่างประเทศอินโดนีเซีย ในฐานะประธานอาเซียนเดินทางมาเยือนประเทศไทยเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ก็พูดชัดว่า อาเซียนจะช่วยสร้างบรรยากาศให้ทั้ง 2 ประเทศได้มานั่งเจรจากันเท่านั้น ไม่มีการพูดถึงเรื่องการส่งผู้แทนพิเศษเข้ามาสำรวจพื้นที่ เช่นเดียวกับข้อสรุปของยูเอ็นเอสซี ที่ระบุแค่เพียงว่า ขอให้อาเซียนสนับสนุนและสร้างบรรยากาศการเจรจาของทั้ง 2 ประเทศผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ ไม่มีส่วนใดที่พูดถึงการให้อาเซียนสร้างกลไกเพิ่มเติม หรือตั้งผู้แทนพิเศษเข้ามาช่วยแก้ปัญหาแต่อย่างใด นายชวนนท์กล่าวด้วยว่า ในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย วันที่ 22 ก.พ.นี้ จะเป็นเพียงแค่การพบปะเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล สอบถามความห่วงใยจากมิตรประเทศเท่านั้น ซึ่งไทยก็จะยืนยันต่ออาเซียนว่า กลไกทวิภาคีของทั้ง 2 ประเทศยังเดินหน้าได้อยู่ จึงไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องมีกลไกพิเศษ เพิ่มเติมในการเจรจา เพียงแต่ขอให้กัมพูชายอมกลับมาสู่โต๊ะเจรจาเท่านั้น
ทหารเขมรเหิมยิงบึมใส่ไทย
ช่วงเย็น พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ถึงการปะทะของทหารไทยกับทหารกัมพูชาที่ภูมะเขือตลอดคืนวันที่ 15 ก.พ.ว่า การปะทะเริ่มตั้งแต่ เวลา 20.00 น. โดยทหารกัมพูชาได้ขว้างระเบิดมือเข้ามาใส่ที่ตั้งของทหารไทย ต่อมาเวลา 21.00 น. ทหารกัมพูชา ได้พยายามเจาะแนวรั้วของทหารไทย เราจึงใช้ระเบิดขว้างตอบโต้ จนทหารกัมพูชาที่พยายามเจาะรั้ว เข้ามาในเขตเราถอยกลับไปและยุติการปฏิบัติการดังกล่าว ต่อมาเวลา 22.00 น. ทหารกัมพูชาได้ปฏิบัติการแทรกซึมเข้ามาในพื้นที่อีกครั้ง พร้อมขว้างระเบิดมือมายังที่ตั้งของทหารไทย ทางเราจึงขว้างระเบิดมือเพื่อเป็นการตอบโต้ตามความเหมาะสม และในเวลา 02.00 น. ทหารกัมพูชาได้ใช้ปืนกล ปืนครก (เครื่องยิงลูกระเบิดวิถีโค้ง) และยิงจรวดอาร์พีจีระดมยิงเข้ามาบริเวณที่ตั้งทหารไทยตรงภูมะเขือ จนเราต้องใช้มาตรการตอบโต้เพื่อป้องกันตัว และผลักดันให้ทหารกัมพูชาล่าถอยออกไป นอกจากนี้ ช่วงเวลา 03.50-04.00 น. ทหารกัมพูชาได้พยายามโจมตีที่ตั้งทหารไทยบริเวณ ภูมะเขืออีกครั้งก่อนถอยกลับ จนการปะทะของทหารไทย-กัมพูชายุติเวลา 05.25 น. เช้ามืดของวันที่ 16 ก.พ.
ชี้ผู้นำทหาร 2 ฝ่ายคุยเข้าใจหยุดยิง
เมื่อถามว่า ทหารระดับสูงได้มีการพูดคุยหรือไม่ ภายหลังยูเอ็นเอสซีมีมติให้ทั้งสองฝ่ายหยุดยิง พ.อ. สรรเสริญกล่าวว่า ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายมีความเข้าใจเป็นอย่างดี และมีการสั่งให้หยุดยิง ซึ่งการติดต่อสื่อสารทางฝ่ายไทยไม่มีปัญหา เพราะเราเชื่อฟังคำสั่งตามลำดับชั้น ไม่เคยฝ่าฝืนกฎ ไม่เคยยิงก่อน แต่ตนไม่ทราบว่าการติดต่อ สื่อสารทางฝ่ายกัมพูชาเป็นอย่างไร มีปัญหาอะไรหรือไม่ถึงมีการยิงกันอยู่ และไม่ทราบว่าผู้ใหญ่ฝ่ายกัมพูชารับทราบเรื่องนี้หรือไม่ว่าทหารระดับล่างกัมพูชายังมีการยิงตลอดเวลา
เผยทหารใช้อาวุธด้วยความปวดร้าว
ด้าน พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวถึงมติยูเอ็นเอสซี ที่ให้ไทยและกัมพูชายุติการยิงถาวรและให้มีการเจรจาแบบทวิภาคีว่า การเจรจาเป็นเรื่องของกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเจรจาตามกลไกทั้งการประชุมเจบีซี หรือการเจรจาในระดับทวิภาคี หรือเรื่องสนธิสัญญา กองทัพมีหน้าที่รักษาชีวิตทรัพย์สิน ไม่ให้มีอะไรมากระทบต่อประชาชน เราปฏิบัติตามกฎการใช้กำลัง ปฏิบัติตามพันธกิจที่ได้ให้ไว้กับประเทศต่างๆอย่างชัดเจน จะใช้อาวุธเมื่อเกิดความจำเป็นหรือเห็นว่ามีภัยต่อทหาร ประชาชน ชีวิต ทรัพย์สิน สำหรับเพื่อนบ้านเราจำเป็นต้องใช้อาวุธด้วยความปวดร้าว แต่เมื่อต้องทำก็ต้องทำอย่างจริงๆ ถ้าเพื่อนบ้านที่ดีคงจะต้องหยุด แต่ถ้าดำเนินการต่อแล้วมีผลกระทบต่อชีวิตประชาชน ทรัพย์สิน และหน่วยทหาร ขอเรียนว่าบนความปวดร้าว เราจะตอบโต้อย่างสมควร ขณะนี้ยังไม่จำเป็นต้องอพยพคนออกมาก่อน เพราะทุกอย่างมีขั้นตอนการเตรียมการไว้หมด ไม่ว่าจะเป็นการปกป้องอธิปไตย การวางแผนพิทักษ์ประชาชน และการพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง รวมถึงการควบคุมความเสียหายเป็นพื้นที่ ทุกอย่างเป็นขั้นตอน เป็นระบบ อย่ากังวลใจ ขอให้มั่นใจ
ใครจะเจรจากับใครกองทัพไม่เกี่ยว
เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ที่จะให้ รมว.กลาโหมไทยและกัมพูชาลงนาม เพื่อหยุดยิง พล.อ.ทรงกิตติกล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องของกองทัพ จะเชิญใครไปคุยกับใคร ตนไม่ทราบ แต่อย่าสร้างความเสียหายให้ประชาชน เรารักเพื่อนบ้าน แม้ต้องตอบโต้บนความปวดร้าวทางจิตใจ แต่เราต้องทำ ทางออกที่ดีคือ อยู่ร่วมกันและพัฒนาบ้านเมืองไปด้วยกันสู่ความเจริญรุ่งเรือง เมื่อถามว่า ท่าทีไทยดูไม่ค่อยตอบโต้กัมพูชา พล.อ.ทรงกิตติย้อนถามว่า ใครบอกว่าไม่ได้ตอบโต้ แต่จะน้อยไปหรือไม่ ตนไม่ทราบ แต่เราทำด้วยระบบ ทั้งสองฝ่ายทราบอยู่แล้วว่าควรจะทำอย่างไร แต่ทหารไทยฟังและมีวินัยในการยิง รวมถึงมีกฎการใช้กำลัง แต่ตนไม่ทราบของประเทศบ้านอื่น
ไม่เอาการเมืองมายุ่งกองทัพ
เมื่อถามถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯระบุว่า แม่ทัพภาคที่ 2 มีผลประโยชน์ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พล.อ.ทรงกิตติกล่าวว่า ตนไม่เกี่ยวข้องกับการนำประเด็นทางการเมืองมาสู่กองทัพ กองทัพทำงานตามหน้าที่ เมื่อถามว่า นิสัยที่ไม่ดีของกัมพูชา เราควรลดความสัมพันธ์ลงหรือไม่ พล.อ.ทรงกิตติกล่าวว่า พูดว่า ใครนิสัยไม่ดีไม่ได้ ต้องดูตัวเราและเพื่อนบ้านด้วย ส่วนจะลดความสัมพันธ์ หรือไม่ ไม่ใช่เรื่องของตน เราไม่ลำบากใจต่อการปฏิบัติงาน เพราะหน้าที่ของเราถูกกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการจัดระเบียบกระทรวงกลาโหม ถึงไม่สั่งก็ต้องทำ ส่วนที่มีการมองว่าควรจะให้ปัญหามีการเจรจาแบบทวิภาคี ดีกว่าจะให้ชาติอื่นเข้ามาแทรกแซงนั้น เรื่องนี้ต้องถามรัฐบาลกับกระทรวงการต่างประเทศ
สตช.รุกตรวจค้นอาวุธม็อบเหลือง
ในส่วนการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ยังปิดถนนโดยไม่สน พ.ร.บ.ความมั่นคงนั้น พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงความคืบหน้าการดำเนินการของ ศอ.รส. เกี่ยวกับการชุมนุมว่า ศอ.รส.มีความพร้อม ไม่ให้มีการปิดล้อมหรือบุกรุกสถานที่ทำเนียบรัฐบาลและรัฐสภา ภาพรวมการชุมนุมอยู่ในความสงบเรียบร้อยพอสมควร มีข้อมูลบางกลุ่มนำอาวุธเข้ามาบริเวณสถานที่ชุมนุม และบริเวณใกล้เคียง เป็นพฤติกรรมที่ส่อเจตนาที่ไม่หวังดี อาจจะทำให้เกิดเหตุรุนแรง เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องขอเข้าตรวจค้นจุดที่ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ รวมทั้ง ผบ.ตร.มีคำสั่งให้เพิ่มความเข้มจุดตรวจสกัดอาวุธ และวัตถุต้องสงสัยพื้นที่โดยรอบสถานที่ชุมนุม เพื่อไม่ให้มีกลุ่มบุคคลเข้ามาสร้างสถานการณ์
ขอหมายเรียกอีก 40 แกนนำ
ส่วนการออกหมายเรียกแกนนำพันธมิตรฯนั้น พล.ต.ต.ประวุฒิกล่าวต่อว่า ขณะนี้ได้ออกหมายเรียก 10 คน ที่เข้าข่ายกระทำความผิดตามกฎหมาย ผบ.ตร.กำชับเจ้าหน้าที่ให้ใช้การบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ ไม่ให้ เป็นเงื่อนไขของกลุ่มผู้ชุมนุม และดำเนินการตามขั้นตอน นำตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี โดยกลุ่มผู้ถูกหมายเรียก จะเป็นแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ขึ้นเวทีปราศรัย คาดว่า พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. หัวหน้าพนักงานสอบสวน จะออกหมายเรียกแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯเพิ่มเติมประมาณ 30-40 คน โดยตามขั้นตอนการออกหมายเรียก จะมีการออกหมายเรียก 2 ครั้ง หากไม่มาพบพนักงานสอบสวนตามกำหนด จะมีการขออำนาจศาลเพื่อขออนุมัติหมายจับกุมทันที
พธม.ไฟเขียว ตร.ค้นอาวุธในม็อบ
ที่หน้ากระทรวงศึกษาธิการ เวลา 10.00 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรฯ และนายประพันธ์ คูณมี โฆษกการชุมนุม ร่วมแถลงข่าวอนุญาตให้ตำรวจเข้ามาตรวจค้นอาวุธภายในสถานที่ชุมนุมได้ โดยระบุเป็นเรื่องดี และขอสนับสนุน เพราะการชุมนุมนี้ ห้ามมีการนำอาวุธเข้ามาอยู่แล้ว ถ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบขอให้ดำเนินการตามกฎหมายได้เลย โดยที่ พธม.จะไม่ ประกันตัวให้ อย่างไรก็ตาม ได้มอบหมายให้นายแซมดิน เลิศบุศย์ เป็นผู้ประสานการเดินตรวจค้นทั่วบริเวณการชุมนุม ขณะที่นายปานเทพกล่าวว่า กรณีที่ ศอ.รส. ประกาศรายชื่อ 10 แกนนำ พธม.ที่กระทำความผิด พ.ร.บ.ความ มั่นคงฯ ในการชุมนุมครั้งนี้ ขอยืนยันว่าขณะนี้เรายังไม่ ได้รับหมายเรียก หากได้รับมาเมื่อไหร่ ก็จะเดินทางไปมอบตัวและต่อสู้คดีตามกฎหมายต่อไป การที่ ศอ.รส. พยายามออกข่าวล่วงหน้าทั้งที่ยังไม่มีหมายเรียกที่ชัดเจน ถือเป็นการข่มขู่ประชาชนที่มาชุมนุม
บิ๊กแต้มนำค้นอาวุธเจอโดนโห่
ในเวลาเดียวกัน พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น. 1 พร้อมด้วยกำลังตำรวจกว่า 40 นาย ได้เข้ามาในพื้นที่ชุมนุม ตรวจค้นอาวุธอย่างละเอียดทั้งในเต็นท์และกระเป๋า ของผู้ชุมนุมทุกคน โดยกระจายกำลังตรวจค้นทุกพื้นที่ตั้งแต่เวทีกองทัพธรรม เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ถนนพิษณุโลก ไปจนถึงเวทีของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่สะพานมัฆวานฯ และเมื่อกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงเวทีใหญ่ ก็ถูกกลุ่มผู้ชุมนุมเขย่ามือตบและโห่ใส่ แต่ไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น ระหว่างนั้น พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ หนึ่งในแกนนำการชุมนุมครั้งนี้ ได้เดินเข้ามาโอบกอดและตบไหล่ ผบก.น.1 พร้อมกล่าวว่า การชุมนุมของพันธมิตรฯครั้งนี้ ทำเพื่อประเทศชาติในการปกป้องดินแดน ขอให้ตำรวจลุกขึ้นมาปกป้องดินแดนเหมือนพวกพันธมิตรฯ
พบมีด-ลั่นจะลุยค้นต่อเนื่อง
พล.ต.ต.วิชัยเปิดเผยว่า จากการตรวจค้นพื้นที่ชุมนุม พบอาวุธมีดปลายแหลม 1 ด้าม และเสื้อเกราะ เจ้าของมีดอ้างว่า เอามาใช้เป็นเครื่องมือจัดเตรียมพื้นที่ชุมนุม แต่มีดดังกล่าวมีลักษณะเป็นอาวุธชัดเจน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย จากนี้ไปจะมี การตรวจค้นอาวุธภายในพื้นที่ชุมนุมอยู่เรื่อยๆ จนกว่าจะยุติการชุมนุม ส่วนการออกหมายเรียกแกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง 10 คน ให้มารายงานตัวในวันที่ 22 ก.พ.นี้ ถ้าแกนนำมามอบตัวเมื่อใด จะสอบสวนด้วยตัวเอง เพราะตนเป็นหนึ่งในคณะกรรมการสอบสวนด้วย
นางพะเยาว์ อัคฮาด แกนนำเครือข่ายผู้ต้องขังเสื้อแดง พร้อมประชาชนจากจังหวัดต่างๆ อาทิ มุกดาหาร อุดรธานี ประมาณ 50 คน เดินทางมายังกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอให้กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ช่วยประสานงานเรื่อง
การประกันตัว รวมถึงการสนับสนุนหลักทรัพย์การค้ำประกันตัว กับผู้ต้องขังเสื้อแดงที่ยังถูกคุมขัง ด้วยข้อหาอุกฉกรรจ์ในเรือนจำต่างๆ โดยมี นายสมชาติ เอี่ยมอนุพงษ์ รองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิ์ รับเรื่องไว้ ทั้งนี้ นางพะเยาว์ เปิดเผยว่า ที่เดินทางมาเรียกร้องขอความช่วยเหลือในวันนี้ เนื่องจากญาติของผู้ต้องขัง ที่ถูกจับกุมทนไม่ไหวกับกระบวนการยุติธรรม ที่แจ้งข้อหาแรงเกินไป ไม่ว่าจะเป็นข้อหาคดีก่อการร้าย วางเพลิง หรือ เผาทรัพย์
พร้อมกันนั้น นางพะเยาว์ ได้อ่านจดหมายเปิดผนึกที่ระบุว่า จนถึงขณะนี้ญาติของผู้ต้องขังบางส่วน ยังไม่ได้รับการประกันตัว ดังนั้น จึงต้องการให้กรมคุ้มครองสิทธิ์ประสานงานกับศาล ในจังหวัดต่างๆ เพื่อขอให้ได้รับการประกันตัวตามที่รัฐบาลประกาศให้ความช่วยเหลือ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันนี้ ที่อาจชุมนุมยืดเยื้อตามกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่า ขณะนี้ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รายงานผลว่า กำลังประสานงานว่ารูปแบบจะเป็นอย่างไร ซึ่งตนจะหวังได้รับความร่วมมือ ขณะที่หากยืดเยื้อจะใช้แนวทางกฎหมายตามที่มีการประกาศใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ควบคู่กับการเจรจา
ทั้งนี้ย้ำว่า ผู้ชุมนุมไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใด มีความจริงใจให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อยต้องร่วมมือเจ้าหน้าที่ โดยไม่ปลุกระดมสร้างความขัดแย้งหรือสร้างความเกลียดชังกับเจ้าหน้าที่
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึง การขอคืนพื้นที่การจราจรจากกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องการขอคืนเพียงบางช่องจราจร เพื่อให้ประชาชนใช้ถนนได้ ซึ่งตนแปลกใจเหตุใดพันธมิตรฯ ไม่คืนผิวการจราจร อย่างไรก็ตาม หากการบังคับใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ครบ 15 วันแต่ยังไม่ได้ผล ต้องสอบถาม พล.ต.อ.วิเชียร เนื่องจากเป็นผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส.
ทั้งนี้ย้ำว่า ผู้ชุมนุมไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใด มีความจริงใจให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อยต้องร่วมมือเจ้าหน้าที่ โดยไม่ปลุกระดมสร้างความขัดแย้งหรือสร้างความเกลียดชังกับเจ้าหน้าที่
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึง การขอคืนพื้นที่การจราจรจากกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องการขอคืนเพียงบางช่องจราจร เพื่อให้ประชาชนใช้ถนนได้ ซึ่งตนแปลกใจเหตุใดพันธมิตรฯ ไม่คืนผิวการจราจร อย่างไรก็ตาม หากการบังคับใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ครบ 15 วันแต่ยังไม่ได้ผล ต้องสอบถาม พล.ต.อ.วิเชียร เนื่องจากเป็นผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส.
ข่าวเสื้อแดง วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2554
<p style="visibility:visible;"><object type="application/x-shockwave-flash" data="http://widget-8b.slide.com/widgets/slideticker.swf" height="320" width="426" style="width:426px;height:320px"><param name="movie" value="http://widget-8b.slide.com/widgets/slideticker.swf" /><param name="quality" value="high" /><param name="scale" value="noscale" /><param name="salign" value="l" /><param name="wmode" value="transparent"/> <param name="flashvars" value="cy=ms&il=1&channel=2017612633089538443&site=widget-8b.slide.com"/></object><p style="white-space:nowrap"><a href="http://www.slide.com/pivot?cy=ms&at=un&id=2017612633089538443&map=1" target="_blank"><img src="http://widget-8b.slide.com/p1/2017612633089538443/ms_t021_v000_s0un_f00/images/xslide1.gif" border="0" ismap="ismap" /></a> <a href="http://www.slide.com/pivot?cy=ms&at=un&id=2017612633089538443&map=2" target="_blank"><img src="http://widget-8b.slide.com/p2/2017612633089538443/ms_t021_v000_s0un_f00/images/xslide2.gif" border="0" ismap="ismap" /></a> <a href="http://www.slide.com/pivot?cy=ms&at=un&id=2017612633089538443&map=F" target="_blank"><img src="http://widget-8b.slide.com/p4/2017612633089538443/ms_t021_v000_s0un_f00/images/xslide42.gif" border="0" ismap="ismap" /></a></p></p>นางพะเยาว์ อัคฮาด แกนนำเครือข่ายผู้ต้องขังเสื้อแดง พร้อมประชาชนจากจังหวัดต่างๆ อาทิ มุกดาหาร อุดรธานี ประมาณ 50 คน เดินทางมายังกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอให้กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ช่วยประสานงานเรื่อง
การประกันตัว รวมถึงการสนับสนุนหลักทรัพย์การค้ำประกันตัว กับผู้ต้องขังเสื้อแดงที่ยังถูกคุมขัง ด้วยข้อหาอุกฉกรรจ์ในเรือนจำต่างๆ โดยมี นายสมชาติ เอี่ยมอนุพงษ์ รองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิ์ รับเรื่องไว้ ทั้งนี้ นางพะเยาว์ เปิดเผยว่า ที่เดินทางมาเรียกร้องขอความช่วยเหลือในวันนี้ เนื่องจากญาติของผู้ต้องขัง ที่ถูกจับกุมทนไม่ไหวกับกระบวนการยุติธรรม ที่แจ้งข้อหาแรงเกินไป ไม่ว่าจะเป็นข้อหาคดีก่อการร้าย วางเพลิง หรือ เผาทรัพย์
พร้อมกันนั้น นางพะเยาว์ ได้อ่านจดหมายเปิดผนึกที่ระบุว่า จนถึงขณะนี้ญาติของผู้ต้องขังบางส่วน ยังไม่ได้รับการประกันตัว ดังนั้น จึงต้องการให้กรมคุ้มครองสิทธิ์ประสานงานกับศาล ในจังหวัดต่างๆ เพื่อขอให้ได้รับการประกันตัวตามที่รัฐบาลประกาศให้ความช่วยเหลือ
การประกันตัว รวมถึงการสนับสนุนหลักทรัพย์การค้ำประกันตัว กับผู้ต้องขังเสื้อแดงที่ยังถูกคุมขัง ด้วยข้อหาอุกฉกรรจ์ในเรือนจำต่างๆ โดยมี นายสมชาติ เอี่ยมอนุพงษ์ รองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิ์ รับเรื่องไว้ ทั้งนี้ นางพะเยาว์ เปิดเผยว่า ที่เดินทางมาเรียกร้องขอความช่วยเหลือในวันนี้ เนื่องจากญาติของผู้ต้องขัง ที่ถูกจับกุมทนไม่ไหวกับกระบวนการยุติธรรม ที่แจ้งข้อหาแรงเกินไป ไม่ว่าจะเป็นข้อหาคดีก่อการร้าย วางเพลิง หรือ เผาทรัพย์
พร้อมกันนั้น นางพะเยาว์ ได้อ่านจดหมายเปิดผนึกที่ระบุว่า จนถึงขณะนี้ญาติของผู้ต้องขังบางส่วน ยังไม่ได้รับการประกันตัว ดังนั้น จึงต้องการให้กรมคุ้มครองสิทธิ์ประสานงานกับศาล ในจังหวัดต่างๆ เพื่อขอให้ได้รับการประกันตัวตามที่รัฐบาลประกาศให้ความช่วยเหลือ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันนี้ ที่อาจชุมนุมยืดเยื้อตามกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่า ขณะนี้ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รายงานผลว่า กำลังประสานงานว่ารูปแบบจะเป็นอย่างไร ซึ่งตนจะหวังได้รับความร่วมมือ ขณะที่หากยืดเยื้อจะใช้แนวทางกฎหมายตามที่มีการประกาศใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ควบคู่กับการเจรจา
ทั้งนี้ย้ำว่า ผู้ชุมนุมไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใด มีความจริงใจให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อยต้องร่วมมือเจ้าหน้าที่ โดยไม่ปลุกระดมสร้างความขัดแย้งหรือสร้างความเกลียดชังกับเจ้าหน้าที่
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึง การขอคืนพื้นที่การจราจรจากกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องการขอคืนเพียงบางช่องจราจร เพื่อให้ประชาชนใช้ถนนได้ ซึ่งตนแปลกใจเหตุใดพันธมิตรฯ ไม่คืนผิวการจราจร อย่างไรก็ตาม หากการบังคับใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ครบ 15 วันแต่ยังไม่ได้ผล ต้องสอบถาม พล.ต.อ.วิเชียร เนื่องจากเป็นผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส.
ทั้งนี้ย้ำว่า ผู้ชุมนุมไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใด มีความจริงใจให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อยต้องร่วมมือเจ้าหน้าที่ โดยไม่ปลุกระดมสร้างความขัดแย้งหรือสร้างความเกลียดชังกับเจ้าหน้าที่
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึง การขอคืนพื้นที่การจราจรจากกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องการขอคืนเพียงบางช่องจราจร เพื่อให้ประชาชนใช้ถนนได้ ซึ่งตนแปลกใจเหตุใดพันธมิตรฯ ไม่คืนผิวการจราจร อย่างไรก็ตาม หากการบังคับใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ครบ 15 วันแต่ยังไม่ได้ผล ต้องสอบถาม พล.ต.อ.วิเชียร เนื่องจากเป็นผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส.
วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
วันมาฆบูชา
ประวัติวันมาฆบูชา ในส่วนที่เกี่ยวกับพระพุทธเจ้า หลังจากพระพุทธเจ้าตรัสรู้ได้ 9 เดือนขณะนั้นเมื่อเสร็จพุทธกิจแสดงธรรมที่ถ้ำสุกรขาตาแล้ว เสด็จมาประทับที่วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ ประเทศอินเดียในปัจจุบัน วันนั้นตรงกับวันเพ็ญ เดือนมาฆะหรือเดือน 3ในเวลาบ่ายพระอรหันต์สาวกของพระพุทธเจ้า มาประชุม พร้อมกัน ณ ที่ประทับของพระพุทธเจ้า นับเป็นเหตุอัศจรรย์ ที่มีองค์ประกอบสำคัญ 4 ประการ คือ
วันมาฆบูชา ย่อมาจากคำว่า "มาฆปุรณมีบูชา" แปลว่า การบูชาพระในวันเพ็ญเดือน 3 ถือเป็น "วันจาตุรงคสันนิบาต" แปลว่า การประชุมอันประกอบด้วยองค์ 4 ซึ่งเป็นเหตุการณ์อัศจรรย์ที่เกิดขึ้นพร้อมกันในสมัยพุทธกาล คือ
1.วันมาฆบูชา เป็นวันที่ พระสงฆ์จำนวน 1,250 รูป ซึ่งจาริกไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในสถานที่ต่างๆ ได้เดินทางมาเฝ้าพระพุทธเจ้า ณ วัดเวฬุวันมหาวิหาร วัดแห่งแรกในพระพุทธศาสนา ที่เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ ซึ่งตรงกับวันเพ็ญเดือนมาฆะ (วันเพ็ญกลางเดือน 3 พระจันทร์เต็มดวง)
2.วันมาฆบูชา เป็นวันที่พระสงฆ์จำนวน 1,250 รูปเหล่านี้ ล้วนเป็นพระอรหันต์ เป็นผู้ทรงอภิญญา 6 และเป็นพระสงฆ์ที่ได้รับการบวชจากพระพุทธเจ้าโดยตรง ซึ่งเรียกว่า "เอหิภิกขุอุปสัมปทา"
3.พระสงฆ์จำนวน 1,250 รูป ต่างมาประชุมพร้อมเพรียงกันโดยมิได้มีการนัดหมาย กันในวันมาฆบูชานี้
4.วันมาฆบูชา เป็นวันที่พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงธรรมเทศนา อันเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา คือ "โอวาทปาติโมกข์"
โอวาทปาติโมกข์ เป็นหลักคำสอนอันเป็นหลักหรือหัวใจสำคัญของพระพุทธศาสนา ซึ่งได้แก่ การไม่ทำความชั่วทั้งปวง ทำความดีให้ถึงพร้อม ทำจิตใจให้หมดจดบริสุทธิ์ผ่องใส เป็นการปฏิบัติด้วยกาย วาจา ใจ
การประกอบพิธีทางพระพุทธศาสนา ในวันมาฆบูชาโดยทั่วไปจะนิยมทำบุญตักบาตร ฟังพระธรรมเทศนา รับศีล รับพร ถวายสังฆทาน เวียนเทียนรอบอุโบสถ กิจกรรมต่างๆ ที่ควรปฏิบัติในวันมาฆบูชา คือ ทำบุญใส่บาตร, ปฏิบัติธรรม และฟังธรรมเทศนา, เวียนเทียนที่วัด หรือตามสถานที่ต่างๆ ที่มีการจัดงาน, ประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือน เพื่อความเป็นสิริมงคลต่อตนเองและครอบครัวสืบไป
การเตรียมตัวก่อนประกอบพิธีเวียนเทียน ในวันมาฆบูชา วันขึ้น 15 ค่ำ 3
1. อาบน้ำ ชำระร่างกายให้สะอาด ทำจิตใจให้เบิกบาน
2. แต่งกายให้สุภาพเรียบร้อย เหมาะสมกับสถานที่
3. เตรียมดอกไม้ ธูป เทียน ตลอดจนเครื่องบูชาให้เรียบร้อย
4. เมื่อถึงวัดแล้วควรอยู่ในอาการสำรวม ไม่พูดคุยหยอกล้อ วิ่งเล่น หรือทำกิจกรรมอันไม่เหมาะสม
เวียนเทียนรอบที่ 1 รำลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า โดยภาวนาบท อิติปิโส ภะคะวาฯ ไปจนจบ เพื่อให้จิตใจมีสมาธิ
เวียนเทียนรอบที่ 2 รำลึกถึงคุณพระธรรม ภาวนาบทสวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโมฯ ไปจนจบ
เวียนเทียนรอบที่ 3 รำลึกคุณพระสงฆ์ ภาวนาบทสุปฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆฯ ไปจนจบ ระหว่างนั้นต้องทำจิตใจให้สงบ แน่วแน่กับบทบูชา เมื่อเวียนเทียนครบ 3 รอบแล้ว นำดอกไม้ธูปเทียนไปวางในจุดที่กำหนด
ปัจจุบัน วันมาฆบูชา เป็นวันหยุดราชการ ของประเทศไทย
ประวัติวันมาฆบูชา ในส่วนที่เกี่ยวกับพระพุทธเจ้า หลังจากพระพุทธเจ้าตรัสรู้ได้ 9 เดือนขณะนั้นเมื่อเสร็จพุทธกิจแสดงธรรมที่ถ้ำสุกรขาตาแล้ว เสด็จมาประทับที่วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ ประเทศอินเดียในปัจจุบัน วันนั้นตรงกับวันเพ็ญ เดือนมาฆะหรือเดือน 3ในเวลาบ่ายพระอรหันต์สาวกของพระพุทธเจ้า มาประชุม พร้อมกัน ณ ที่ประทับของพระพุทธเจ้า นับเป็นเหตุอัศจรรย์ ที่มีองค์ประกอบสำคัญ 4 ประการ คือ
วันมาฆบูชา ย่อมาจากคำว่า "มาฆปุรณมีบูชา" แปลว่า การบูชาพระในวันเพ็ญเดือน 3 ถือเป็น "วันจาตุรงคสันนิบาต" แปลว่า การประชุมอันประกอบด้วยองค์ 4 ซึ่งเป็นเหตุการณ์อัศจรรย์ที่เกิดขึ้นพร้อมกันในสมัยพุทธกาล คือ
1.วันมาฆบูชา เป็นวันที่ พระสงฆ์จำนวน 1,250 รูป ซึ่งจาริกไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในสถานที่ต่างๆ ได้เดินทางมาเฝ้าพระพุทธเจ้า ณ วัดเวฬุวันมหาวิหาร วัดแห่งแรกในพระพุทธศาสนา ที่เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ ซึ่งตรงกับวันเพ็ญเดือนมาฆะ (วันเพ็ญกลางเดือน 3 พระจันทร์เต็มดวง)
2.วันมาฆบูชา เป็นวันที่พระสงฆ์จำนวน 1,250 รูปเหล่านี้ ล้วนเป็นพระอรหันต์ เป็นผู้ทรงอภิญญา 6 และเป็นพระสงฆ์ที่ได้รับการบวชจากพระพุทธเจ้าโดยตรง ซึ่งเรียกว่า "เอหิภิกขุอุปสัมปทา"
3.พระสงฆ์จำนวน 1,250 รูป ต่างมาประชุมพร้อมเพรียงกันโดยมิได้มีการนัดหมาย กันในวันมาฆบูชานี้
4.วันมาฆบูชา เป็นวันที่พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงธรรมเทศนา อันเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา คือ "โอวาทปาติโมกข์"
โอวาทปาติโมกข์ เป็นหลักคำสอนอันเป็นหลักหรือหัวใจสำคัญของพระพุทธศาสนา ซึ่งได้แก่ การไม่ทำความชั่วทั้งปวง ทำความดีให้ถึงพร้อม ทำจิตใจให้หมดจดบริสุทธิ์ผ่องใส เป็นการปฏิบัติด้วยกาย วาจา ใจ
การประกอบพิธีทางพระพุทธศาสนา ในวันมาฆบูชาโดยทั่วไปจะนิยมทำบุญตักบาตร ฟังพระธรรมเทศนา รับศีล รับพร ถวายสังฆทาน เวียนเทียนรอบอุโบสถ กิจกรรมต่างๆ ที่ควรปฏิบัติในวันมาฆบูชา คือ ทำบุญใส่บาตร, ปฏิบัติธรรม และฟังธรรมเทศนา, เวียนเทียนที่วัด หรือตามสถานที่ต่างๆ ที่มีการจัดงาน, ประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือน เพื่อความเป็นสิริมงคลต่อตนเองและครอบครัวสืบไป
การเตรียมตัวก่อนประกอบพิธีเวียนเทียน ในวันมาฆบูชา วันขึ้น 15 ค่ำ 3
1. อาบน้ำ ชำระร่างกายให้สะอาด ทำจิตใจให้เบิกบาน
2. แต่งกายให้สุภาพเรียบร้อย เหมาะสมกับสถานที่
3. เตรียมดอกไม้ ธูป เทียน ตลอดจนเครื่องบูชาให้เรียบร้อย
4. เมื่อถึงวัดแล้วควรอยู่ในอาการสำรวม ไม่พูดคุยหยอกล้อ วิ่งเล่น หรือทำกิจกรรมอันไม่เหมาะสม
เวียนเทียนรอบที่ 1 รำลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า โดยภาวนาบท อิติปิโส ภะคะวาฯ ไปจนจบ เพื่อให้จิตใจมีสมาธิ
เวียนเทียนรอบที่ 2 รำลึกถึงคุณพระธรรม ภาวนาบทสวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโมฯ ไปจนจบ
เวียนเทียนรอบที่ 3 รำลึกคุณพระสงฆ์ ภาวนาบทสุปฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆฯ ไปจนจบ ระหว่างนั้นต้องทำจิตใจให้สงบ แน่วแน่กับบทบูชา เมื่อเวียนเทียนครบ 3 รอบแล้ว นำดอกไม้ธูปเทียนไปวางในจุดที่กำหนด
ปัจจุบัน วันมาฆบูชา เป็นวันหยุดราชการ ของประเทศไทย
ประวัติวันมาฆบูชา ในส่วนที่เกี่ยวกับพระพุทธเจ้า หลังจากพระพุทธเจ้าตรัสรู้ได้ 9 เดือนขณะนั้นเมื่อเสร็จพุทธกิจแสดงธรรมที่ถ้ำสุกรขาตาแล้ว เสด็จมาประทับที่วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ ประเทศอินเดียในปัจจุบัน วันนั้นตรงกับวันเพ็ญ เดือนมาฆะหรือเดือน 3ในเวลาบ่ายพระอรหันต์สาวกของพระพุทธเจ้า มาประชุม พร้อมกัน ณ ที่ประทับของพระพุทธเจ้า นับเป็นเหตุอัศจรรย์ ที่มีองค์ประกอบสำคัญ 4 ประการ คือ
วันมาฆบูชา ย่อมาจากคำว่า "มาฆปุรณมีบูชา" แปลว่า การบูชาพระในวันเพ็ญเดือน 3 ถือเป็น "วันจาตุรงคสันนิบาต" แปลว่า การประชุมอันประกอบด้วยองค์ 4 ซึ่งเป็นเหตุการณ์อัศจรรย์ที่เกิดขึ้นพร้อมกันในสมัยพุทธกาล คือ
1.วันมาฆบูชา เป็นวันที่ พระสงฆ์จำนวน 1,250 รูป ซึ่งจาริกไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในสถานที่ต่างๆ ได้เดินทางมาเฝ้าพระพุทธเจ้า ณ วัดเวฬุวันมหาวิหาร วัดแห่งแรกในพระพุทธศาสนา ที่เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ ซึ่งตรงกับวันเพ็ญเดือนมาฆะ (วันเพ็ญกลางเดือน 3 พระจันทร์เต็มดวง)
2.วันมาฆบูชา เป็นวันที่พระสงฆ์จำนวน 1,250 รูปเหล่านี้ ล้วนเป็นพระอรหันต์ เป็นผู้ทรงอภิญญา 6 และเป็นพระสงฆ์ที่ได้รับการบวชจากพระพุทธเจ้าโดยตรง ซึ่งเรียกว่า "เอหิภิกขุอุปสัมปทา"
3.พระสงฆ์จำนวน 1,250 รูป ต่างมาประชุมพร้อมเพรียงกันโดยมิได้มีการนัดหมาย กันในวันมาฆบูชานี้
4.วันมาฆบูชา เป็นวันที่พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงธรรมเทศนา อันเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา คือ "โอวาทปาติโมกข์"
โอวาทปาติโมกข์ เป็นหลักคำสอนอันเป็นหลักหรือหัวใจสำคัญของพระพุทธศาสนา ซึ่งได้แก่ การไม่ทำความชั่วทั้งปวง ทำความดีให้ถึงพร้อม ทำจิตใจให้หมดจดบริสุทธิ์ผ่องใส เป็นการปฏิบัติด้วยกาย วาจา ใจ
การประกอบพิธีทางพระพุทธศาสนา ในวันมาฆบูชาโดยทั่วไปจะนิยมทำบุญตักบาตร ฟังพระธรรมเทศนา รับศีล รับพร ถวายสังฆทาน เวียนเทียนรอบอุโบสถ กิจกรรมต่างๆ ที่ควรปฏิบัติในวันมาฆบูชา คือ ทำบุญใส่บาตร, ปฏิบัติธรรม และฟังธรรมเทศนา, เวียนเทียนที่วัด หรือตามสถานที่ต่างๆ ที่มีการจัดงาน, ประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือน เพื่อความเป็นสิริมงคลต่อตนเองและครอบครัวสืบไป
การเตรียมตัวก่อนประกอบพิธีเวียนเทียน ในวันมาฆบูชา วันขึ้น 15 ค่ำ 3
1. อาบน้ำ ชำระร่างกายให้สะอาด ทำจิตใจให้เบิกบาน
2. แต่งกายให้สุภาพเรียบร้อย เหมาะสมกับสถานที่
3. เตรียมดอกไม้ ธูป เทียน ตลอดจนเครื่องบูชาให้เรียบร้อย
4. เมื่อถึงวัดแล้วควรอยู่ในอาการสำรวม ไม่พูดคุยหยอกล้อ วิ่งเล่น หรือทำกิจกรรมอันไม่เหมาะสม
เวียนเทียนรอบที่ 1 รำลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า โดยภาวนาบท อิติปิโส ภะคะวาฯ ไปจนจบ เพื่อให้จิตใจมีสมาธิ
เวียนเทียนรอบที่ 2 รำลึกถึงคุณพระธรรม ภาวนาบทสวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโมฯ ไปจนจบ
เวียนเทียนรอบที่ 3 รำลึกคุณพระสงฆ์ ภาวนาบทสุปฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆฯ ไปจนจบ ระหว่างนั้นต้องทำจิตใจให้สงบ แน่วแน่กับบทบูชา เมื่อเวียนเทียนครบ 3 รอบแล้ว นำดอกไม้ธูปเทียนไปวางในจุดที่กำหนด
ปัจจุบัน วันมาฆบูชา เป็นวันหยุดราชการ ของประเทศไทย
วันมาฆบูชา
วันมาฆบูชา ย่อมาจากคำว่า "มาฆปุรณมีบูชา" แปลว่า การบูชาพระในวันเพ็ญเดือน 3 ถือเป็น "วันจาตุรงคสันนิบาต" แปลว่า การประชุมอันประกอบด้วยองค์ 4 ซึ่งเป็นเหตุการณ์อัศจรรย์ที่เกิดขึ้นพร้อมกันในสมัยพุทธกาล คือ
1.วันมาฆบูชา เป็นวันที่ พระสงฆ์จำนวน 1,250 รูป ซึ่งจาริกไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในสถานที่ต่างๆ ได้เดินทางมาเฝ้าพระพุทธเจ้า ณ วัดเวฬุวันมหาวิหาร วัดแห่งแรกในพระพุทธศาสนา ที่เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ ซึ่งตรงกับวันเพ็ญเดือนมาฆะ (วันเพ็ญกลางเดือน 3 พระจันทร์เต็มดวง)
2.วันมาฆบูชา เป็นวันที่พระสงฆ์จำนวน 1,250 รูปเหล่านี้ ล้วนเป็นพระอรหันต์ เป็นผู้ทรงอภิญญา 6 และเป็นพระสงฆ์ที่ได้รับการบวชจากพระพุทธเจ้าโดยตรง ซึ่งเรียกว่า "เอหิภิกขุอุปสัมปทา"
3.พระสงฆ์จำนวน 1,250 รูป ต่างมาประชุมพร้อมเพรียงกันโดยมิได้มีการนัดหมาย กันในวันมาฆบูชานี้
4.วันมาฆบูชา เป็นวันที่พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงธรรมเทศนา อันเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา คือ "โอวาทปาติโมกข์"
โอวาทปาติโมกข์ เป็นหลักคำสอนอันเป็นหลักหรือหัวใจสำคัญของพระพุทธศาสนา ซึ่งได้แก่ การไม่ทำความชั่วทั้งปวง ทำความดีให้ถึงพร้อม ทำจิตใจให้หมดจดบริสุทธิ์ผ่องใส เป็นการปฏิบัติด้วยกาย วาจา ใจ
การประกอบพิธีทางพระพุทธศาสนา ในวันมาฆบูชาโดยทั่วไปจะนิยมทำบุญตักบาตร ฟังพระธรรมเทศนา รับศีล รับพร ถวายสังฆทาน เวียนเทียนรอบอุโบสถ กิจกรรมต่างๆ ที่ควรปฏิบัติในวันมาฆบูชา คือ ทำบุญใส่บาตร, ปฏิบัติธรรม และฟังธรรมเทศนา, เวียนเทียนที่วัด หรือตามสถานที่ต่างๆ ที่มีการจัดงาน, ประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือน เพื่อความเป็นสิริมงคลต่อตนเองและครอบครัวสืบไป
การเตรียมตัวก่อนประกอบพิธีเวียนเทียน ในวันมาฆบูชา วันขึ้น 15 ค่ำ 3
1. อาบน้ำ ชำระร่างกายให้สะอาด ทำจิตใจให้เบิกบาน
2. แต่งกายให้สุภาพเรียบร้อย เหมาะสมกับสถานที่
3. เตรียมดอกไม้ ธูป เทียน ตลอดจนเครื่องบูชาให้เรียบร้อย
4. เมื่อถึงวัดแล้วควรอยู่ในอาการสำรวม ไม่พูดคุยหยอกล้อ วิ่งเล่น หรือทำกิจกรรมอันไม่เหมาะสม
เวียนเทียนรอบที่ 1 รำลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า โดยภาวนาบท อิติปิโส ภะคะวาฯ ไปจนจบ เพื่อให้จิตใจมีสมาธิ
เวียนเทียนรอบที่ 2 รำลึกถึงคุณพระธรรม ภาวนาบทสวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโมฯ ไปจนจบ
เวียนเทียนรอบที่ 3 รำลึกคุณพระสงฆ์ ภาวนาบทสุปฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆฯ ไปจนจบ ระหว่างนั้นต้องทำจิตใจให้สงบ แน่วแน่กับบทบูชา เมื่อเวียนเทียนครบ 3 รอบแล้ว นำดอกไม้ธูปเทียนไปวางในจุดที่กำหนด
ปัจจุบัน วันมาฆบูชา เป็นวันหยุดราชการ ของประเทศไทย
ข่าวสาร วันนี้ 15 กุมภาพันธ์ 2554
ไทยมีหลักฐานเด็ด เขมรรับ เป็นฝ่ายโจมตีก่อน
เอา'ปราสาทพระวิหาร'มาเป็นพื้นที่ทางทหารร.ร.ชายแดนเปิดแล้ว
บัวแก้วเผยขั้นตอนชี้แจงยูเอ็นเอสซี "กษิต" เตรียมแถลงผลข้ามทวีป โฟนอินผ่านช่อง 5 และช่อง 11 เช้าวันที่ 15 ก.พ. งัดหลักฐานเขมร สารภาพยิงไทยก่อนโชว์ ให้คณะกรรมการดู ระบุเขมรพยายามโจมตี ไทยเพื่อยกระดับปัญหาไปสู่สากล ส่วนการเจรจากับ "ฮอร์ นัมฮง" ยังไม่มีกำหนดการแน่นอน นายกฯพร้อมให้สื่อเปิดเวทีเจรจากับพันธมิตรฯ ไม่เอาดีเบตเพราะบางเรื่องต้องคุยลับ ชี้พันธมิตรฯต้องเปิดใจกว้าง ลดทิฐิพบกันครึ่งทาง ขณะที่พันธมิตรฯเชื่อกษิตชี้แจงยูเอ็นเอสซีได้
ยังเป็นประเด็นทางการเมือง สำหรับปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.ศรีสะเกษ ซึ่งนายกษิต ภิรมย์ รมว. ต่างประเทศ ได้เดินทางไปชี้แจงต่อสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ทั้ง 15 ประเทศ ถึงกรณีปัญหาข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ที่กรุงนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกาแล้ว
"เทือก" รอทภ.2 รายงานจับสายลับเขมร
เมื่อเวลา 08.40 น. วันที่ 14 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีข่าวมีสายลับชาวกัมพูชา ถูกควบคุมตัวอยู่ในกองทัพภาคที่ 2 และมีการตรวจพบหลักฐาน เช่น ตลับเมตร กระดาษจดรหัสลับ ว่า ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องนี้ เพิ่งทราบข่าวจากที่มีสื่อมารายงาน รอให้เจ้าหน้าที่ทำงานให้เสร็จเรียบร้อย เมื่อได้ผลสรุปอย่างไรก็จะมาชี้แจงให้ทราบ ผู้สื่อข่าวถามว่า ส่วนตัวมองว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน นายสุเทพกล่าวว่า เวลาคนมีปัญหากันของชายแดนระหว่างประเทศ ก็คงมีความพยายามที่จะหาข่าวกัน ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่เราต้องดำเนินการตามขั้นตอนตามกฎหมาย และทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้เราเสียเปรียบในการดำเนินการทางทหาร
ระวังอย่าโยงแรงงานกัมพูชา
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้มีข่าวว่ามีสายลับกัมพูชา แฝงตัวเข้ามาเป็นแรงงานในประเทศไทย รองนายกฯกล่าวว่า ต้องระวังในการพูดเรื่องนี้ คิดว่าอาจจะมีคนมาเป็นสายลับมาสืบมาหาข่าวหาข้อมูลเพื่อเป็นประโยชน์ในด้านการทหารของเขา แต่ต้องแยกออกจากผู้ที่เข้ามาใช้แรงงานโดยสุจริต เพราะหากไปพูดหรือทำข่าวเรื่องนี้ออกไป ก็จะทำให้ผู้ใช้แรงงานโดยสุจริตถูกระแวง ถูกตั้งข้อรังเกียจได้ เมื่อถามว่า ทราบหรือไม่ว่ามีแรงงานกัมพูชาเข้ามาทำงานในประเทศไทยเท่าไหร่ รองนายกฯกล่าวว่า ไม่สามารถระบุตัวเลขได้ รู้แต่ว่ามีแรงงานประเทศเพื่อนบ้านรอบๆ เข้ามาทำงานในประเทศไทยจำนวนหลายแสนคน
เขมรเสริมทหารกวักมือเรียกยูเอ็น
เมื่อถามถึงการเสริมกำลังของกัมพูชาในฝั่งปอยเปต เป็นการปกป้องผลประโยชน์ของเขาหรืออะไรกันแน่ นายสุเทพตอบว่า เป็นความพยายามของกัมพูชาที่จะเรียกร้องให้สหประชาชาติมาสนใจบริเวณพื้นที่ชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา เรียกร้องที่จะให้มีกองกำลังรักษาสันติภาพมา ประจำอยู่ในพื้นที่ตลอดแนวชายแดน ตนคิดว่าเป็นเหตุผลที่ทำให้กัมพูชาจะต้องปรับเรื่องการทหาร ย้ายกำลังจากตรงนั้นไปตรงนี้ เพื่อให้ดูสมจริงสมจังว่าเป็นเรื่องของการต่อสู้ แต่สำหรับเราถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของการกระทบ กระทั่งกันเล็กน้อย เป็นเรื่องที่เกิดขึ้น ณ จุดใดจุดหนึ่งในระยะทางที่เป็นชายแดนทั้งหมด 2-3 พันกิโลเมตร เมื่อถามว่า การที่สมเด็จฮุน เซน นายกฯกัมพูชา จะมาเปิด ถนนที่ จ.บันเตียเมียนเจย ซึ่ง พล.ท.ฮุน มาเนต รอง ผบ.ทบ. ลูกชายสมเด็จฮุน เซน จะนำทหารมาอารักขาอย่างเต็มกำลัง ในส่วนของไทยจะต้องมีการเสริมกำลังในบริเวณนั้นด้วยหรือไม่ นายสุเทพตอบว่า เป็นเรื่องปกติของเขา ที่เวลาเดินทางไปไหนมาไหน เขาก็ต้องวางกำลังอยู่แล้ว เพราะเป็นผู้นำที่อยู่ในตำแหน่งนาน ก็มีทั้งคนชอบและไม่ชอบ เขาก็ระมัดระวังตัว
ติงยูเอ็นเอสซีต้องมีมาตรฐาน
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นห่วงประเทศมหาอำนาจ ที่ขณะนี้มีทิศทางที่ค่อนข้างจะส่งสัญญาณชัดเจนว่าสนับสนุนกัมพูชาหรือไม่ นายสุเทพตอบว่า คิดว่าคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอสซี ต้องมีมาตรฐานในการตัดสินหรือวินิจฉัย กรณีที่เกิดปัญหาชายแดนไม่ได้มีเฉพาะไทยกับกัมพูชา แต่มีอยู่ตลอดเวลาในหลายประเทศ แต่เขาก็ไม่ได้เข้าไปแทรกแซง ดังนั้นการปฏิบัติต่อกรณีนี้ก็ต้องใช้มาตรฐานเดียวกัน
หนุนหมายเรียกแกนนำ พธม.
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตช.) ออกหมายเรียกแกนนำพันธมิตรฯในข้อหาปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 15 ก.พ.แล้ว จะมีการดำเนินการอย่างไรต่อ นายสุเทพกล่าวว่า ตำรวจก็จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ทำทุกอย่างให้ชอบธรรมและถูกต้องในหลักการปฏิบัติตามกฎหมาย ตนเห็นใจ ตร.และ ผบ.ตร. ซึ่งเป็น ผอ.ศอ.รส. ที่เวลาไปใช้มาตรการพูดคุย เจรจากับผู้ชุมนุมก็ไม่ค่อยจะได้รับความร่วมมือ แต่จะไปโกรธเคืองเขาไม่ได้ ต้องใช้มาตรการตามที่กฎหมายอนุญาตเอาไว้ ซึ่งทำถูกต้องแล้วที่ขั้นต้นได้ออกหมายเรียกไป แล้ว แจ้งข้อกล่าวหา ถ้ายังขัดขืนไม่ปฏิบัติตามก็ออกหมายจับ จับกุมดำเนินคดีอะไรก็ว่าไป
เชียร์ตำรวจทีมนี้ทำงานดีที่สุด
เมื่อถามว่า หากออกหมายเรียกแล้วไม่มา จนออกหมายจับแล้วก็ยังไม่มาอีกในสัปดาห์นี้จะต้องดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วใช่หรือไม่ นายสุเทพตอบว่า ผบ.ตร.ยืนยันว่าจะดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง ส่วนที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ ท้าให้จับกุมนั้น ท่านก็ไม่ค่อยฟังและไม่ค่อยยอมอยู่แล้ว เจ้าหน้าที่ก็ต้อง อดทน เมื่อถามว่า ในเมื่อ ผบ.ตร.ไม่สามารถทำได้ ทำไมไม่เปลี่ยนเอาคนที่ทำได้เข้ามารับผิดชอบ นายสุเทพกล่าว ว่า ขณะนี้ยังทำได้อยู่ และดีที่สุดเท่าที่มีอยู่ในทีมนี้ ค่อยๆดูไปก่อน ยังมีวันที่ 15-16 ก.พ. ที่ยังต้องรอดูอีก เมื่อถามว่า หมายความว่าวันที่ 15-16 ก.พ. จะมีการดำเนินการขั้นเด็ดขาดหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า เมื่อออกหมายเรียกมารายงานตัวแล้ว ยังไม่ปฏิบัติตามก็ต้องจับกุมดำเนิน คดีต่อไป ทุกอย่างชัดเจนไม่ได้มีอะไรที่ปิดบังอำพรางอะไร ฝ่ายแกนนำผู้ชุมนุมก็ควรจะได้ทราบขั้นตอนนี้ แต่ตนจะไม่ไปกดดัน เจ้าหน้าที่มีแนวทางอยู่แล้ว
ลั่นต้องทำบ้านเมืองสงบให้ได้
เมื่อถามว่า การเจรจาระดับเจ้าหน้าที่ทางแกนนำพันธมิตรฯก็ไม่ฟัง ทางแกนนำรัฐบาลจะต้องไปเจรจาเองหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ให้เจ้าหน้าที่ทำหน้าที่ของเขาเองดีกว่า เมื่อถามว่า เหมือนกับแกนนำพันธมิตรฯต้องการยั่วให้เจ้าหน้าที่ต้องเข้าไปใช้กำลัง นายสุเทพตอบว่า คงไม่ไปวิจารณ์อย่างนั้น แต่ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และไม่กดดัน ปล่อยให้ทำงานให้ตรงไปตรงมาและเข้มแข็ง เมื่อถามว่าเมื่อบรรยากาศเป็นอย่างนี้คงไม่มีโอกาสที่จะ ไปสู่การเลือกตั้งแบบที่รัฐบาลประกาศมาก่อนหน้านี้ก็คงไม่มีแล้ว เพราะยังคงมีทั้งศึกในศึกนอกประเทศ นายสุเทพกล่าวว่า มันคงสงบลงได้ ต้องทำให้สงบเรียบร้อยให้ได้
นายกฯพร้อมให้สื่อเปิดเวทีเจรจา
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทยเสนอตัวเป็นตัวกลางเปิดเวทีให้รัฐบาลเจรจากับกลุ่มพันธมิตรประชาชนฯในการแก้ปัญหาการชุมนุมว่า รัฐบาลพร้อมพูดคุย นายกฯไม่มีเงื่อนไขอะไร หากจะมีองค์กรที่ทั้งสองฝ่ายรับได้มาช่วยก็ไม่มีปัญหา ขณะนี้มีความจำเป็นมากที่รัฐบาลกับกลุ่มพันธมิตรฯต้องทำงานร่วมกัน เพราะความพยายามของกัมพูชาในการยกระดับปัญหาสู่สากลให้ไทยออกจากพื้นที่ปราสาทพระวิหาร และสร้างภาพลักษณ์ว่าไทยก้าวร้าวรุนแรง จึงจำเป็นต้องผนึกกำลังกันเพื่อช่วยให้จุดยืนของไทยในเวทีนานาชาติดีขึ้น ทั้งนี้สาเหตุที่กัมพูชาต้องการให้นานาชาติเข้ามาแทรกแซง เนื่องจากคุ้นเคยกับการที่นานาชาติเคยเข้ามาแก้ปัญหาสงครามกลาง เมืองภายในประเทศกัมพูชา แต่ไม่คุ้นเคยกับหลักอธิปไตยและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ต้องยึดหลักแก้ปัญหาด้วยตัวเองก่อน เพราะอยู่กับสงครามกลางเมืองมานาน โดยไม่มองว่าการดึงนานาชาติเข้ามาจะมีผลเสียอย่างไร มองถึงผลประโยชน์อย่างเดียว
งัดหลักฐานเขมรสารภาพยิงไทยก่อน
นายปณิธานกล่าวว่า ขณะนี้นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ พร้อมแล้วที่จะชี้แจงต่อสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ทั้ง 15 ประเทศ ถึงกรณีปัญหาข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ในเวลา 22.00 น. วันที่ 14 ก.พ. ตามเวลาในประเทศไทย จากนั้นเวลา 06.00 น. วันที่ 15 ก.พ. นายกษิตจะโฟนอินชี้แจงผลการประชุมผ่านทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 และช่อง 11 และในเวลา 10.00 น. จะชี้แจงผลการประชุมมายังกระทรวงการต่างประเทศ โดยสิ่งที่จะไปชี้แจงต่อยูเอ็นเอสซีคือ 1.ไทยดำเนินการตามพันธกรณีกับกัมพูชาในฐานะเพื่อนบ้านที่ดีอย่างสันติวิธี 2.ไทยมีหลักฐานทางทหารชัดเจน และคำสัมภาษณ์ของผู้สื่อข่าวต่างประเทศที่ไปสัมภาษณ์ทหารกัมพูชา ซึ่งยอมรับว่าเป็นฝ่ายโจมตีไทยก่อน เนื่องจากเห็นรถแทรกเตอร์เข้ามา จึงเป็นฝ่ายเริ่มยิงก่อน 3.กัมพูชาโจมตีพื้นที่พลเรือนไทย 4.กัมพูชาใช้พื้นที่ปราสาทพระวิหารเป็นพื้นที่ทางทหาร
เชื่อยูเอ็นให้ไทย-กัมพูชาคุยกันเอง
นายปณิธานกล่าวว่า ไทยจะพยายามแสดงให้ยูเอ็นเอสซีเห็นว่าการกระทำของกัมพูชามีการเตรียมการมาก่อน โดยการพยายามใช้กำลังโจมตีประเทศไทย เพื่อยกระดับปัญหาไปสู่สากล เชื่อว่า ในที่สุดแล้วถ้อยแถลงของยูเอ็นเอสซีจะเห็นด้วยกับไทยคือให้ไทย-กัมพูชาเจรจาแก้ปัญหากันเองก่อน และคงเป็นไปได้ยากที่นานาชาติจะส่งกองกำลังรักษาสันติภาพเข้ามาในพื้นที่เพื่อแก้ปัญหาข้อพิพาทไทย-กัมพูชา นอกจากนี้ ไทยจะรายงานยูเอ็นเอสซีถึงกรณีที่ทหารกัมพูชายิงปืนใหญ่ยั่วยุไทย เมื่อคืนวันที่ 13 ก.พ.ด้วย เพราะเป็นเหตุการณ์ที่มีแนวโน้มไม่ดี ซึ่งไทยพยายามอดกลั้นไม่ให้เกิดการปะทะกันอีก มั่นใจว่าสหประชาชาติรับทราบข้อมูลดีอยู่แล้ว และมีข้อมูลของตัวเองอยู่ ขณะนี้สื่อต่างประเทศเริ่มรายงานว่า กัมพูชาเป็นฝ่ายเคลื่อนกำลังพลก่อน
นายกฯลงพื้นที่เมื่อปลอดภัย
นายปณิธานกล่าวว่า ส่วนกรณีองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ยืนยันจะส่งทูตพิเศษเข้ามาดูพื้นที่ปราสาทพระวิหารนั้น ยังไม่มีการแจ้งให้ทางการไทยทราบอย่างเป็นทางการ แต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี งดหรือระงับการลงพื้นที่ไปก่อน หากทางยูเนสโกยืนยันจะส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาผ่านทางฝั่งกัมพูชา คงต้องคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัย และผลกระทบที่จะตามมา ส่วนการลงพื้นที่ของนายกฯที่ จ.ศรีสะเกษ นั้น ต้องรอให้สถานการณ์มีความปลอดภัยก่อน รวมถึงบรรยากาศทางการเมืองระหว่างประเทศด้วย คาดว่านายกฯจะลงพื้นที่ได้เร็วๆนี้
ปชป.ปัดเหยียบศพ พธม.ขึ้นใหญ่
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายสำราญ รอดเพชร โฆษกพรรคการเมืองใหม่ ระบุพาดพิงพรรคประชาธิปัตย์ว่า เหยียบศพกลุ่มพันธมิตรฯขึ้นมามีอำนาจ และถามว่าทำไมตนถึงมีอคติต่อการเมืองข้างถนนว่า ขอยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้เหยียบศพใคร โดยเฉพาะกลุ่มพันธมิตรฯ แม้แต่รอยเลือดในวันที่ 7 ต.ค. พรรคก็แสดงให้เห็นชัดมาแล้วที่ไม่เข้าร่วมประชุมสภา "หากการเมืองภาคประชาชนแสดงออกภายใต้กรอบของกฎหมายก็สามารถยอมรับได้ แต่หากมีพรรคการเมืองเข้าไปแอบแฝงกับกลุ่มการเมืองภาคประชาชน เช่น พรรคเพื่อไทย ก็ไม่มีใครยอมรับได้
ที่ผ่านมากลุ่มพันธมิตรฯเคยเป็นการเมืองภาคประชาชน แต่เมื่อแกนนำมาตั้งพรรค ก็ควรต้องสู้ผ่านเวทีเลือกตั้ง เพราะปัจจุบันนี้แยกไม่ออกระหว่างกลุ่มการเมืองภาคประชาชนกับกลุ่มพันธมิตรฯ หากอยากเป็นนักการเมืองก็ควรพิสูจน์บนเวทีเลือกตั้ง และโฆษกการเมืองใหม่ประกาศว่าจะลงเลือกตั้ง พรรคก็ยินดีและอยากให้การเมืองใหม่แยกออกจากกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ควรร่วมมือใช้เวทีเดียวกัน"
บัวแก้วเผยขั้นตอนชี้แจงยูเอ็นเอสซี
เมื่อเวลา 13.00 น. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์จากนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ถึงรูปแบบการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอสซี ที่นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ จะเข้าชี้แจงในวันที่ 14 ก.พ. เวลา 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตรงกับไทยในเวลา 22.00 น. ว่า การประชุมดังกล่าวเป็นรูปแบบปิด มีเพียงประเทศสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และประเทศคู่กรณีที่เกี่ยวข้อง โดยผู้กล่าวนำถึงที่มาที่ไปของการประชุมจะเป็นเจ้าหน้าที่จากสำนักงานยูเอ็น จากนั้นเป็นการกล่าวของนายฮอร์ นัมฮง รองนายกฯและ รมต.ต่างประเทศกัมพูชา ตามด้วยนายกษิต ปิดท้ายด้วยนายมาตี้ นาตาเลกาวา รมต.ต่างประเทศอินโดนีเซีย ในฐานะประเทศประธานอาเซียน คาดว่าแต่ละคนจะใช้เวลาพูดประมาณ 15-30 นาที
"กษิต"เตรียมแถลงผลข้ามทวีป
นายธานีกล่าวว่า ส่วนผลการประชุมจะออกมาได้หลายรูปแบบ ทั้งเป็นข้อมติ แถลงการณ์ของประธาน คำให้สัมภาษณ์ของประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ซึ่งขณะนี้เป็นประเทศบราซิล อย่างไรก็ตามเมื่อประชุมแล้วเสร็จคาดว่าผู้ที่เกี่ยวข้องจะให้สัมภาษณ์ หน้าห้องประชุม ขณะเดียวกันมีรายงานว่านายกษิตมีกำหนดการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการภายหลังการประชุมเวลา 15.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับวันที่ 15 ก.พ. เวลา 03.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งสามารถติดตามการสัมภาษณ์และการแถลงข่าวได้ที่ www.un.org/webcast นอกจากนี้ นายกษิตจะให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์มายังสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยในเวลา 06.30 น. วันที่ 15 ก.พ. เวลาประเทศไทยด้วย ส่วนการหารือทวิภาคีระหว่างนายกษิตและนายฮอร์ นัมฮง ขณะนี้ยังไม่มีกำหนดการที่แน่นอน แต่จะเจอกันก่อนประชุมระยะเวลาหนึ่งก่อน
"อัษฎา" ย้ำท่าทีต่อยูเนสโกแล้ว
เมื่อถามว่าการเดินทางไปชี้แจงกับองค์การศึกษา วิทยาศาตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก ของนายอัษฎา ชัยนาม ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (เจบีซี) ไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย นายธานีตอบว่า นายอัษฎาได้พบกับผู้ช่วยผู้อำนวยการยูเนสโก ได้ชี้แจงถึงประเด็นปัญหาการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกที่ยังไม่มีความชัดเจนระหว่าง 2 ประเทศ โดยขอให้ชะลอการทำแผนบริหารจัดการก่อน เพราะทำให้เกิดปัญหาความตึงเครียด ซึ่งหลังการชี้แจงกับยูเนสโกได้รับทราบข้อมูล ขณะเดียวกันยูเนสโกเพิ่งเปลี่ยนทีมบริหารที่ดูเรื่องนี้ เมื่อถามอีกถึงกรณีที่ยูเนสโกเตรียมส่งทูตพิเศษมาสำรวจพื้นที่ปราสาทพระวิหารบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นายธานีตอบว่า เป็นข้อเสนอของ ยูเนสโก จะมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงเข้ามาดูแล หากประสานมาขอพบปะ ฝ่ายไทยต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมว่าไทยสะดวกจะพบหรือไม่
เรียกร้องยูเอ็นเอสซีช่วยตกลงหยุดยิง
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ก่อนที่นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศของไทย และนายฮอร์ นัม ฮง รมว.ต่างประเทศกัมพูชา จะเข้าชี้แจงต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ในนครนิวยอร์ก เมื่อ 14 ก.พ. นายคอย ควง โฆษกของนายฮอร์ นัม ฮง แถลงที่กรุงพนมเปญว่า ในการชี้แจงครั้งนี้ นายฮอร์ นัม ฮง จะหยิบยกเรื่องสงครามที่ไทยเป็นผู้รุกรานกัมพูชาขึ้นมาพูดด้วย นอกจากนี้จะเรียกร้องให้ยูเอ็นเอสซีช่วยทำให้ไทยและกัมพูชาตกลงหยุดยิงเป็นการถาวรด้วย
ฉีดยากันยุงในพื้นที่ชุมนุม
ทางด้านบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ยังคงปักหลักอยู่ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ เช่นเดียวกัน กลุ่มเครือข่ายประชาชนไทยหัวใจรักชาติ ที่ยังคงปักหลักชุมนุมกันอย่างเหนียวแน่น นอกจากนี้ เนื่องจากหลายวันที่ผ่านมาได้มีฝนตกลงมา ทำให้พื้นที่ชุมนุมมีการสะสมของแมลงและยุง ทำให้ เจ้าหน้าที่ของกองทัพธรรมได้นำเครื่องฉีดพ่นกันยุงมาฉีดพ่นตามท่อระบายน้ำรอบพื้นที่ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ และกลุ่มเครือข่ายประชาชนไทยหัวใจรักชาติ เพื่อป้องกันยุงและแมลงต่างๆ
เตรียมออกหมายเรียกแกนนำ พธม.
อีกด้าน เวลา 11.00 น. ที่ บช.น. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. และ พ.ต.อ.วีรวิทย์ จันทร์จำเริญ รอง ผบก.น.1 กล่าวถึงกรณีที่ได้รับมอบหมายจาก ศอ.รส.ให้ เตรียมออกหมายเรียกแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯในวันที่ 15 ก.พ. หลังเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมแล้วไม่ยอมเปิดเส้นทางการจราจรตามคำสั่ง ว่า บช.น.มีการเจรจากับแกนนำอยู่บ่อยครั้ง เพื่อให้เปิดพื้นที่การจราจรให้กับประชาชน เนื่องจากประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก เมื่อเจรจาไม่ได้ผล ก็ต้องบังคับใช้กฎหมาย ตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ. เป็นต้นไป จะทยอยออกหมายเรียกผู้ฝ่าฝืน พ.ร.บ.ความมั่นคงฯมารับทราบข้อกล่าวหา การออกหมายเรียกจะเริ่มจากการรวบรวมพยานหลักฐาน ถอดเทปการขึ้นปราศรัย ลำดับแรกจะเป็นบุคคลที่เห็นภาพและเสียงปรากฏชัดเจน เพราะถนนที่พันธมิตรฯชุมนุมนั้น เป็นพื้นที่ประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ส่วนกลุ่มเสื้อแดงที่ชุมนุมเมื่อวันที่ 13 ก.พ. ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถึงแม้จะอยู่ในพื้นที่ประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ แต่กลุ่ม นปช.อยู่นอกพื้นที่ประกาศห้ามชุมนุม
เผยพบอาวุธเพียบในการชุมนุม
รอง ผบช.น.ฝ่ายกฎหมายและสอบสวน กล่าวว่าการชุมนุมที่บอกว่าชอบด้วยกฎหมายจะต้องสงบปราศจากอาวุธ แต่หลังๆมีการจับกุมอาวุธมากขึ้น เช่น ระเบิดปิงปอง พบไม้เหลาแหลม ยางรถยนต์ ไม้รวก เป็นต้น ซึ่งเริ่มกลับมาอีกแล้ว ดังนั้น แกนนำผู้ชุมนุมควรเปิดทางให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้นหาอาวุธ ตนจะมอบให้ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 เป็นผู้เจรจา ช่วงเย็นวันนี้จะเสนอในที่ประชุม ศอ.รส. ให้ตำรวจเข้าตรวจค้นพื้นที่การชุมนุม สิ่งใดที่สามารถใช้เป็นอาวุธให้ส่งคืนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เช่น ไม้ไผ่เหลาแหลม การชุมนุมไม่ควรละเมิดสิทธิ์ของผู้อื่นและอยู่ในสิทธิ์ของตัวเอง และอย่าเตรียมการที่รุนแรงเด็ดขาด
จำลองฟ้องสมยศเรียก 220 ล้านบาท
ในช่วงบ่าย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เดินทางไปยังศาลแพ่ง ยื่นฟ้อง พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้ช่วย ผบ.ตร. หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีก่อการร้าย เป็นจำเลย ฐานละเมิดเรียกค่าสินไหมทดแทน 220 ล้านบาท โดยฟ้องว่า จำเลยให้ข่าวฝ่าฝืนต่อความจริง ออกหมายเรียกโจทก์ และบุคคลอื่นๆ กล่าวหาโจทก์เป็นผู้ก่อการร้าย ให้สัมภาษณ์ ข่มขู่ว่า หากไม่มาตามหมายจะออกหมายจับในข้อหาก่อการร้าย อันเป็นการตั้งข้อหาที่ร้ายแรงกว่าพฤติการณ์ แห่งคดี การให้ข่าวดังกล่าวมีการเผยแพร่ไปทั่วโลก ทำความเสียหายแก่โจทก์ด้านชื่อเสียง เกียรติยศ เพราะจำเลยรู้ดีว่าโจทก์เป็นคนมีชื่อเสียง มีคนเคารพนับถือ ต้องมาเสื่อมเสียชื่อเสียง การกระทำของจำเลยเป็นการนอกเหนืออำนาจหน้าที่ จงใจฝ่าฝืนทำให้โจทก์เสียหายหลายครั้ง ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 220 ล้านบาท และให้ลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ทุกฉบับเป็นเวลา 30 วัน ศาลรับคดีไว้พิจารณา และกำหนดนัดวันสืบพยานในวันที่ 25 เม.ย.54 เวลา 09.00 น.
"สมยศ" ยื่นลาออก หน.ชุดสอบสวนคดี พธม.
ด้าน พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวว่า ไม่รู้สึกหนักใจกับการฟ้องร้องดังกล่าว เนื่องจากมีความมั่นใจในการทำหน้าที่ว่าอยู่ในกรอบของกฎหมายไม่มากหรือน้อยไปในการปฏิบัติหน้าที่ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีดังกล่าว ไม่ได้มีการกลั่นแกล้ง ทุกอย่างทำไปตามที่กฎหมายกำหนด และไม่ได้ใช้ความรู้สึกส่วนตัวในการทำงาน หลังจากการสอบสวนคดีเสร็จสิ้น ได้ส่งสำนวนคดีให้ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. และได้ยื่นหนังสือถึง ผบ.ตร. ขอให้มีการเปลี่ยนตัวหัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีดังกล่าวก่อนหน้าที่จะถูก พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ฟ้องร้อง โดยหลังจากได้รับคำสั่งได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนคดี ได้ทุ่มเททั้งกำลังกายกำลังใจ ได้ใช้ ทุนทรัพย์ส่วนตัวไปเป็นจำนวนมาก โดยไม่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติแต่อย่างใด จนการสอบสวนเสร็จสิ้นมีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหา และเสนอสำนวนการสอบสวนให้ ผบ.ตร.พิจารณา ระหว่างที่เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีนี้ ตนถูกวิพากษ์วิจารณ์ และถูกกล่าวหาจากหลายฝ่ายว่าไม่มีความเหมาะสม อีกทั้งได้รับการกดดันจากหลายๆด้าน และส่งผลกระทบถึงครอบครัวและคนใกล้ชิดมาโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาในทุกๆด้านที่เกิดขึ้น จึงขอให้ ผบ.ตร.เปลี่ยนตัวหัวหน้าพนักงานสอบสวน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.สมยศได้ยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. เพื่อขอเปลี่ยนตัวจากการเป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯบุกรุกท่าอากาศยานดอนเมือง และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตั้งแต่ปลายเดือน ม.ค. แต่ยังไม่ได้มีคำสั่งอนุมัติจาก พล.ต.อ.วิเชียร
มั่นใจกษิตชี้แจงยูเอ็นเอสซีได้
เวลา 17.00 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษก พธม. ร่วมกันแถลงแสดงความมั่นใจว่า นายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ จะสามารถนำหลักฐานข้อเท็จจริงในเหตุการณ์ ปะทะ ระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาบริเวณชายแดน จ.ศรีสะเกษ ต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ได้ และทำให้ยูเอ็นยุติความพยายามเข้ามา แทรกแซงตามที่กัมพูชาร้องขอ เนื่องจากขณะนี้ไทยอยู่ ในสภาพได้เปรียบรัฐบาลกัมพูชา ในกรณีที่ทหารกัมพูชายิงอาวุธที่มีสารสกัดจากฟอสฟอรัสที่เป็นอันตรายเข้าใส่ ประชาชนไทย รวมทั้งมีภาพถ่ายจากสำนักข่าวต่างประเทศระบุชัดว่า ทหารกัมพูชาตั้งฐานทัพบนปราสาทพระวิหาร ซึ่งขัดต่อหลักการของยูเนสโก อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไทยก็ยังมีข้อเสียเปรียบ คือไม่พยายามฟ้องยูเอ็นเอสซีในฐานะผู้เสียหาย ที่ถูกกัมพูชารุกเขตแดน ปล่อยให้ กัมพูชากล่าวหาว่า ไทยรุกเขตแดนแต่ฝ่ายเดียว จากรายงานของหนังสือโกลบอลวิธเนส (Global Withness) ระบุว่า สมเด็จฮุน เซน และนายซกอานได้ทำธุรกิจขายทรัพยากร ของประเทศกัมพูชาทุกอย่าง ให้กับนานาชาติเพื่อหาผลประโยชน์ให้ตนเอง อันเป็นผลพวงให้นานาชาติหันมา สนับสนุนข้อเรียกร้องของกัมพูชาในเวทีระดับโลก
เย้ยสมยศลาออกเพราะกลัวติดคุก
ขณะที่นายปานเทพ กล่าวว่า กรณี พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้ช่วย ผบ.ตร. ขอลาออกจากหัวหน้าพนักงาน สอบสวน คดีกลุ่มพันธมิตรฯปิดสนามบินนั้น ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.วุฒิ พัวเวส รอง ผบ.ตร. ก็เคยลาออกจากตำแหน่งนี้มาแล้ว เพราะกลัวที่จะต้องติดคุกตลอดชีวิตที่กล่าวหา พธม.เป็นเท็จ เนื่องจาก พธม.ไม่ใช่ ผู้ก่อการร้าย เป็นผู้ก่อการดี
ด้าน พล.ต.จำลอง กล่าวว่า 20 วันที่ พธม.ชุมนุมมา แม้จะถือว่าประสบความสำเร็จ เพราะสามารถกดดัน ให้กระทรวงการต่างประเทศ รวมทั้งกองทัพรุกขึ้นมาปกป้องอธิปไตยของประเทศ แต่เราก็ยังไม่ยุติการชุมนุมเนื่องจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ไม่ได้ ดำเนินการตามข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อ มีแต่พยายามโต้วาที และเถียงข้างๆ คูๆ ยืนยันว่ารัฐบาลประกาศยุบสภา พธม. ก็จะชุมนุมต่อจนกว่าข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อ ได้รับการปฏิบัติ การชุมนุมนี้ พธม.จะแพ้ไม่ได้ เพราะถ้าแพ้หมายถึงประเทศ ไทย เสียดินแดน
"อภิสิทธิ์" ขานรับคนกลางคุย พธม.
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีที่สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย อาสาเป็นคนกลางจัดเวทีเจรจาหาทางออกกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ระหว่างรัฐบาลกับพันธมิตรฯ ว่า ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่พันธมิตรฯบอกว่าเลยขั้นตอนที่จะมาเจรจากันแล้ว นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ก็ต้องถามว่าทำไม เชื่อว่าทุกฝ่ายต้องการเห็นความสงบสุขเกิดขึ้น เมื่อข้อมูลไม่ตรงกันก็มาแลกเปลี่ยนกัน วันนี้ตนเห็นพันธมิตรฯเรียกร้องว่าต้องพยายามแก้ปัญหาในกรอบทวิภาคี ซึ่งเป็นจุดที่รัฐบาลยืนยันมาโดยตลอดอยู่แล้ว แต่ไม่ยอมมาพูดพร้อมกัน และไปหยิบปัญหาแต่ละเรื่องแต่ละมุมมา มันทำให้เกิดช่องว่างมากขึ้น เวลานี้ก็มีความพยายามเปลี่ยนรูปแบบการชุมนุมเป็นไปในลักษณะที่กล่าวหา และจะสังเกตเห็นว่าเอกสารข้อมูลหลายเรื่องที่พันธมิตรฯไปหยิบมาเป็นปัญหาที่เคยดำเนินการในอดีต ซึ่งรัฐบาลชุดปัจจุบันเข้ามาแก้ไขไปแล้ว
ไม่เอาดีเบตชี้บางเรื่องต้องคุยลับ
ต่อข้อถามว่า นายกฯจะไปเจรจากับพันธมิตรฯเอง หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ไม่มีปัญหา เมื่อถามว่า จะเป็นรูปแบบลักษณะดีเบตออกทีวีหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ตนไม่ต้องการดีเบต ตอนนี้พันธมิตรฯเขาไม่ยอมให้มีเวทีที่จะเอาข้อมูลมาแลกเปลี่ยน เมื่อถามว่า ทางพันธมิตรฯบอกว่าพร้อมแล้ว นายอภิสิทธิ์ตอบว่า เห็นเมื่อวานบอกไม่เอา วันก่อนก็ไม่เอา คือตนไม่ได้มีปัญหา ถ้าพร้อมก็พร้อม เพราะข้อมูลมันไม่ได้เปลี่ยนไปไหน เราเอาข้อเท็จจริงมาพูดกัน และพูดด้วยความรับผิดชอบ เข้าใจว่าข้อมูลบางเรื่องเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน การทำงานด้านนี้ไม่ใช่ทุกเรื่องที่พึงจะเสนอออกมาทางสาธารณะ อาจจะมีผลกระทบต่อการทำงานของรัฐบาลไทยหรือต่อเวทีระหว่างประเทศ อันนี้ต้องเข้าใจ เมื่อถามว่า ถ้าปัญหาภายในของเราหาข้อยุติไม่ได้โดยเฉพาะเรื่องม็อบพันธมิตรฯ จะมีปัญหาในการไปเจรจาทวิภาคีหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ไม่มีหรอก จุดยืนในการดำเนินนโยบายต่างประเทศของรัฐบาลชัดเจน คิดว่าตรงนี้พันธมิตรฯต้องมีความเข้าใจด้วย
จี้ พธม.เปิดใจกว้างลดทิฐิ
"อยากให้พันธมิตรฯได้ฟัง และเปิดใจกว้างลดทิฐิ เพราะเริ่มต้นจากข้อเรียกร้องที่ขณะนี้ยิ่งทำยิ่งเป็นปัญหากับรัฐบาลไทยกับประเทศไทย ตอนนี้ให้ไปถอนตัวจากมรดกโลกก็เรียบร้อย ทางกัมพูชาเลยชัดเจน ลดทิฐิลงหน่อย ผมเข้าใจความห่วงใยก็มาคุยกัน และวันข้างหน้าสถานการณ์เป็นอย่างไร อาจจะมีการปรับกลยุทธ์อะไรกัน แต่ละฝ่ายมาคุยกันได้" นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อข้อถามว่า บรรยากาศดูแรงขึ้นทุกทีจะดึงกลับมาได้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ได้ เพราะถ้าไม่กลับมา ก็มีแต่จะแรงขึ้น ยกเว้นจะลากประเทศที่ 3 ประเทศที่ 4 เข้ามาซึ่งไม่ได้เป็นหลักประกันอะไรเลยว่าปัญหาจะลดลง
ขณะนี้อินโดนีเซียกับอาเซียนในภาพรวมสนับสนุนอยู่แล้วว่าเรื่องแบบนี้ต้องแก้ไขในระดับทวิภาคี ในช่วงสัปดาห์กว่าๆที่ผ่านมา กัมพูชาหวังผลที่จะลากไปสู่เวทีอื่น แต่หากเราสามารถชี้แจงข้อเท็จจริงได้ ยืนอยู่ในจุดที่อาเซียนแสดงออกแล้ว ตนคิดว่ากัมพูชาเขาต้องยอมรับ เพราะถ้าเวทีอื่นสนับสนุนให้กลับมาคุยกัน 2 ฝ่าย เขาก็ต้องมาคุยกัน 2 ฝ่าย
ผบ.ทบ.เชื่อสถานการณ์สงบแล้ว
วันเดียวกัน ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาว่าน่าจะสงบ ขณะนี้ชาวบ้านกลับบ้าน และทหารในพื้นที่วางกำลังไว้ มั่นใจว่าสามารถต้านทานได้ ประเด็นสำคัญคือ ถ้ามีการใช้อาวุธระยะไกลมา เราจะป้องกันลำบาก แต่คิดว่าการชี้แจงกับทางยูเอ็นน่าจะเข้าใจว่าต้องมาพูดคุยกันแบบทวิภาคีกันอย่างไร ขอให้รอฟังว่าชาติอื่นเขาจะว่าอย่างไร ยืนยันว่าทุกครั้งตนไม่เคยเป็นคนเริ่มก่อน ถ้ากัมพูชาไม่ล่วงละเมิดก่อน ตนก็ยิงไม่ได้ ถ้าเขายิงมาตรงไหน เราก็ต้องยิงไปตรงนั้น ไม่ได้ยิงเข้าหาคน เราต้องทำอย่างไรไม่ให้เหตุเกิดในวันข้างหน้า สงสารชาวบ้านที่วิ่งหนีกระจัดกระจาย
ทหารหยุดพูดมอบรัฐบาลเจรจา
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยอมรับว่าห่วงที่ต่างชาติจะเข้ามาแทรกแซงปัญหา เราพยายามเจรจาแบบทวิภาคี ให้คนอื่นมายุ่งน้อยที่สุด ถ้าปัญหาทุกเรื่องเราแก้กันเองก็จบ เพราะรบกันเองไม่ได้ แต่เมื่อใดก็ตามที่มีคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องก็จะวุ่นวาย เมื่อถามถึงความสัมพันธ์ระดับผู้นำทางทหารทั้งสองฝ่าย พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ความสัมพันธ์ทางกองทัพยังดีทุกคน ทุกระดับดีหมด แต่ตอนนี้ เมื่อมีปัญหากันอยู่ก็ยังไม่พูดคุยกัน แต่ในระดับล่างให้ คุยกัน ส่วนในระดับบนขอให้รัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศดำเนินการดีกว่า ขณะนี้เราช่วยเหลือเรื่องการสร้างบ้าน ซ่อมบ้าน ดูแลหลุมหลบภัย เมื่อถามถึงกรณีที่กองทัพภาคที่ 2 สามารถจับกุมสายลับกัมพูชาที่เข้ามาหาข่าวในพื้นที่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ไม่รู้ แต่เมื่อมีผู้ต้องสงสัยก็จะต้องดูกันไป ใครมาเดินเกะกะก็จะต้องตรวจสอบ
ทร.สั่งเรือรบลาดตระเวน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกองบัญชาการกองทัพเรือ ว่า พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผบ.ทร. ได้สั่งการให้กองทัพเรือภาคที่ 1 นำเรือฟริเกต หรือเรือพิฆาต (เรือรบติดจรวดปล่อยนำวิถี) ให้ปรับแผนการปฏิบัติงานตามปกติ โดยให้นำเรือฟริเกตออกไปปฏิบัติงานเพื่อลาดตระเวนในพื้นที่เกาะช้าง-เกาะกูด จ.ตราด ในภารกิจการป้องกันหากเกิดเหตุการณ์ปะทะบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา และเป็นการวางมาตรการเฝ้าระวังพื้นที่น่านน้ำของไทย หรือในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล การรักษาความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนคนไทย รวมถึงป้องกันการแทรกซึมการเข้ามาหาข่าวของกัมพูชา ที่สำคัญหากเกิดเหตุปะทะขึ้น เรือฟริเกตจะสามารถสนับสนุนทหารนาวิกโยธินในพื้นที่ทางบก หรือยิงปืนใหญ่สนับสนุนบริเวณชายฝั่งได้ทันที อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เรือฟริเกตเข้าปฏิบัติงานในพื้นที่เกาะช้าง-เกาะกูด จ.ตราด แล้ว ภายหลังก่อนหน้านี้กองทัพเรือได้ระดมเรือตรวจการณ์ปืนเข้าไปปฏิบัติงานบริเวณดังกล่าวเช่นเดียวกัน
ส.ว.ห่วงท่าที "กษิต" เพิ่มปัญหา
วันเดียวกัน ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมการเพื่อติดตามสถานการณ์บ้านเมือง วุฒิสภา โดยนายจิตติพจน์ วิริยะโรจน์ ส.ว.ศรีสะเกษ เป็นประธาน หารือถึงสถานการณ์ ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งกรรมการส่วนใหญ่เป็นห่วงท่าทีทางการทูตของไทย เนื่องจากที่ผ่านมา นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ได้กล่าวพาดพิงประเทศสมาชิกในสหประชาชาติหลายชาติ โดยนายคำนูญ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กรรมการฯ กล่าวว่า นายกษิตไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ เพราะไม่สามารถควบคุมการแสดงออกในที่สาธารณะได้ เช่นเดียวกับ พล.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดี ส.ว.สรรหา กรรมการฯ ที่เสนอให้รัฐบาลชุดนายอภิสิทธิ์ลาออกไปด้วย เพื่อแสดงความรับผิดชอบกับการดำเนินนโยบายต่างประเทศที่ทำให้ไทยเสียเปรียบกัมพูชา ขณะที่นายสุโข วุฑฒิโชติ ส.ว.สมุทรปราการ กรรมการฯ กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยที่จะตำหนินายกษิตเพียงคนเดียว ไทยควรแก้ปัญหาภายในประเทศให้ได้เสียก่อนที่จะไปแก้ปัญหาระหว่างประเทศ
เสียงปืนสงบเรียก นร.กลับมาเรียน
ส่วนความเคลื่อนไหว ที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเสียงปืนจากการปะทะกันสงบลงแล้ว และเมื่อเวลา 07.00 น. วันเดียวกัน นายบุญรวม พงษาปาน ผอ.โรงเรียนบ้านภูมิซรอล อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้ประกาศเสียงตามสายให้นักเรียนมาเรียนตามปกติ แต่ผู้ปกครองอาจยังไม่มั่นใจในสถานการณ์ ทำให้มีนักเรียนมาเรียนแค่ 100 คน จากนักเรียนทั้งหมด 380 คน นายวรรณะ บุญสุข ผอ.สพป.ศรีสะเกษ เขต 4 และนายสกล เขมพรรค ที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ นำสมุดดินสอที่ได้รับการบริจาคมามอบให้นักเรียนเป็นขวัญกำลังใจ ขณะที่ตามโรงเรียนแนวชายแดน อาทิ โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 27 โรงเรียนบ้านโดน-เอาว์ มีนักเรียนมาเรียนประมาณร้อยละ 25 เท่านั้น
องอาจเยี่ยมชาวบ้านภูมิซรอล
ต่อมาเวลา 09.10 น. นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะเดินทางมาเยี่ยมชาวบ้านภูมิซรอล หมู่ 12 ต.เสาธงชัย พร้อมนำสิ่งของมอบให้กับราษฎรที่บ้านได้รับความเสียหายจากลูกปืนใหญ่ จากนั้นได้ไปเยี่ยมนักเรียนที่โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา ซึ่งอาคารถาวรและอาคารชั่วคราวถูกกระสุนปืนใหญ่เสียหาย โดยนายประมูล แสวงผล ผอ.โรงเรียน กล่าวว่า วันนี้เปิดเรียนวันแรก มีนักเรียนมาเรียน 69 คน จาก 567 คน สาเหตุเป็นเพราะยังไม่มั่นใจในสถานการณ์ และบางส่วนยังอยู่กับญาติที่ต่างอำเภอ โรงเรียนได้สร้างห้องเรียนชั่วคราวใต้ถุนอาคาร จำนวน 2 ห้อง กางเต็นท์อีก 2 หลัง ส่วนครู บุคลากรมีความพร้อม จึงแจ้งให้นักเรียนมาเรียนเพราะเกรงจะเรียนไม่ทัน
ชง ครม.ช่วยเหลือผู้เดือดร้อนเหตุปะทะ
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายก กล่าวว่า ได้มาตรวจเยี่ยมและประมวลความเสียหายทั้งส่วนของราษฎรและโรงเรียน เพื่อจะได้นำเสนอคณะรัฐมนตรี ให้ปรับปรุงในส่วนที่ชำรุด และเพิ่มเติมในส่วนที่ยังขาด ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดสามารถใช้งบฉุกเฉินช่วยเหลือได้โดยไม่ต้องรออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี และมั่นใจว่าการเจรจาทวิภาคีน่าจะตกลงกันได้ โดยเฉพาะชาติอาเซียนเองก็ไม่อยากให้กลุ่มประเทศเดียวกันต้องสู้รบกัน โดยในช่วงบ่าย นายองอาจได้เชิญผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้เกี่ยวข้อง ประชุมสรุปแนวทางการแก้ปัญหาต่อไป สำหรับการปะทะกันระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ทำให้บ้านเสียหายทั้งหลังจำนวน 7 หลัง ต้องสร้างใหม่ ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 5 แสนบาท ส่วนบ้านที่เสียหายบางส่วนมีอีกกว่า 40 หลัง ได้จ่ายเงินสดช่วยเหลือหลังละ 5,000 บาท ส่วนความเสียหายทางการเกษตร เช่น สวนยางพาราที่เสียหายเป็นแสนไร่ เบื้องต้นได้ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เข้าไปสำรวจรายละเอียดแล้ว แต่ต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง นอกจากนี้ ชาวบ้านได้เรียกร้องให้เพิ่มหลุมหลบภัยและบังเกอร์ด้วย ซึ่งในวันที่ 15 ก.พ.จะรายงานต่อที่ประชุม ครม.เพื่อพิจารณางบประมาณในการช่วยเหลือเพิ่มเติม
เอา'ปราสาทพระวิหาร'มาเป็นพื้นที่ทางทหารร.ร.ชายแดนเปิดแล้ว
บัวแก้วเผยขั้นตอนชี้แจงยูเอ็นเอสซี "กษิต" เตรียมแถลงผลข้ามทวีป โฟนอินผ่านช่อง 5 และช่อง 11 เช้าวันที่ 15 ก.พ. งัดหลักฐานเขมร สารภาพยิงไทยก่อนโชว์ ให้คณะกรรมการดู ระบุเขมรพยายามโจมตี ไทยเพื่อยกระดับปัญหาไปสู่สากล ส่วนการเจรจากับ "ฮอร์ นัมฮง" ยังไม่มีกำหนดการแน่นอน นายกฯพร้อมให้สื่อเปิดเวทีเจรจากับพันธมิตรฯ ไม่เอาดีเบตเพราะบางเรื่องต้องคุยลับ ชี้พันธมิตรฯต้องเปิดใจกว้าง ลดทิฐิพบกันครึ่งทาง ขณะที่พันธมิตรฯเชื่อกษิตชี้แจงยูเอ็นเอสซีได้
ยังเป็นประเด็นทางการเมือง สำหรับปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.ศรีสะเกษ ซึ่งนายกษิต ภิรมย์ รมว. ต่างประเทศ ได้เดินทางไปชี้แจงต่อสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ทั้ง 15 ประเทศ ถึงกรณีปัญหาข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ที่กรุงนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกาแล้ว
"เทือก" รอทภ.2 รายงานจับสายลับเขมร
เมื่อเวลา 08.40 น. วันที่ 14 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีข่าวมีสายลับชาวกัมพูชา ถูกควบคุมตัวอยู่ในกองทัพภาคที่ 2 และมีการตรวจพบหลักฐาน เช่น ตลับเมตร กระดาษจดรหัสลับ ว่า ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องนี้ เพิ่งทราบข่าวจากที่มีสื่อมารายงาน รอให้เจ้าหน้าที่ทำงานให้เสร็จเรียบร้อย เมื่อได้ผลสรุปอย่างไรก็จะมาชี้แจงให้ทราบ ผู้สื่อข่าวถามว่า ส่วนตัวมองว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน นายสุเทพกล่าวว่า เวลาคนมีปัญหากันของชายแดนระหว่างประเทศ ก็คงมีความพยายามที่จะหาข่าวกัน ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่เราต้องดำเนินการตามขั้นตอนตามกฎหมาย และทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้เราเสียเปรียบในการดำเนินการทางทหาร
ระวังอย่าโยงแรงงานกัมพูชา
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้มีข่าวว่ามีสายลับกัมพูชา แฝงตัวเข้ามาเป็นแรงงานในประเทศไทย รองนายกฯกล่าวว่า ต้องระวังในการพูดเรื่องนี้ คิดว่าอาจจะมีคนมาเป็นสายลับมาสืบมาหาข่าวหาข้อมูลเพื่อเป็นประโยชน์ในด้านการทหารของเขา แต่ต้องแยกออกจากผู้ที่เข้ามาใช้แรงงานโดยสุจริต เพราะหากไปพูดหรือทำข่าวเรื่องนี้ออกไป ก็จะทำให้ผู้ใช้แรงงานโดยสุจริตถูกระแวง ถูกตั้งข้อรังเกียจได้ เมื่อถามว่า ทราบหรือไม่ว่ามีแรงงานกัมพูชาเข้ามาทำงานในประเทศไทยเท่าไหร่ รองนายกฯกล่าวว่า ไม่สามารถระบุตัวเลขได้ รู้แต่ว่ามีแรงงานประเทศเพื่อนบ้านรอบๆ เข้ามาทำงานในประเทศไทยจำนวนหลายแสนคน
เขมรเสริมทหารกวักมือเรียกยูเอ็น
เมื่อถามถึงการเสริมกำลังของกัมพูชาในฝั่งปอยเปต เป็นการปกป้องผลประโยชน์ของเขาหรืออะไรกันแน่ นายสุเทพตอบว่า เป็นความพยายามของกัมพูชาที่จะเรียกร้องให้สหประชาชาติมาสนใจบริเวณพื้นที่ชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา เรียกร้องที่จะให้มีกองกำลังรักษาสันติภาพมา ประจำอยู่ในพื้นที่ตลอดแนวชายแดน ตนคิดว่าเป็นเหตุผลที่ทำให้กัมพูชาจะต้องปรับเรื่องการทหาร ย้ายกำลังจากตรงนั้นไปตรงนี้ เพื่อให้ดูสมจริงสมจังว่าเป็นเรื่องของการต่อสู้ แต่สำหรับเราถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของการกระทบ กระทั่งกันเล็กน้อย เป็นเรื่องที่เกิดขึ้น ณ จุดใดจุดหนึ่งในระยะทางที่เป็นชายแดนทั้งหมด 2-3 พันกิโลเมตร เมื่อถามว่า การที่สมเด็จฮุน เซน นายกฯกัมพูชา จะมาเปิด ถนนที่ จ.บันเตียเมียนเจย ซึ่ง พล.ท.ฮุน มาเนต รอง ผบ.ทบ. ลูกชายสมเด็จฮุน เซน จะนำทหารมาอารักขาอย่างเต็มกำลัง ในส่วนของไทยจะต้องมีการเสริมกำลังในบริเวณนั้นด้วยหรือไม่ นายสุเทพตอบว่า เป็นเรื่องปกติของเขา ที่เวลาเดินทางไปไหนมาไหน เขาก็ต้องวางกำลังอยู่แล้ว เพราะเป็นผู้นำที่อยู่ในตำแหน่งนาน ก็มีทั้งคนชอบและไม่ชอบ เขาก็ระมัดระวังตัว
ติงยูเอ็นเอสซีต้องมีมาตรฐาน
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นห่วงประเทศมหาอำนาจ ที่ขณะนี้มีทิศทางที่ค่อนข้างจะส่งสัญญาณชัดเจนว่าสนับสนุนกัมพูชาหรือไม่ นายสุเทพตอบว่า คิดว่าคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอสซี ต้องมีมาตรฐานในการตัดสินหรือวินิจฉัย กรณีที่เกิดปัญหาชายแดนไม่ได้มีเฉพาะไทยกับกัมพูชา แต่มีอยู่ตลอดเวลาในหลายประเทศ แต่เขาก็ไม่ได้เข้าไปแทรกแซง ดังนั้นการปฏิบัติต่อกรณีนี้ก็ต้องใช้มาตรฐานเดียวกัน
หนุนหมายเรียกแกนนำ พธม.
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตช.) ออกหมายเรียกแกนนำพันธมิตรฯในข้อหาปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 15 ก.พ.แล้ว จะมีการดำเนินการอย่างไรต่อ นายสุเทพกล่าวว่า ตำรวจก็จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ทำทุกอย่างให้ชอบธรรมและถูกต้องในหลักการปฏิบัติตามกฎหมาย ตนเห็นใจ ตร.และ ผบ.ตร. ซึ่งเป็น ผอ.ศอ.รส. ที่เวลาไปใช้มาตรการพูดคุย เจรจากับผู้ชุมนุมก็ไม่ค่อยจะได้รับความร่วมมือ แต่จะไปโกรธเคืองเขาไม่ได้ ต้องใช้มาตรการตามที่กฎหมายอนุญาตเอาไว้ ซึ่งทำถูกต้องแล้วที่ขั้นต้นได้ออกหมายเรียกไป แล้ว แจ้งข้อกล่าวหา ถ้ายังขัดขืนไม่ปฏิบัติตามก็ออกหมายจับ จับกุมดำเนินคดีอะไรก็ว่าไป
เชียร์ตำรวจทีมนี้ทำงานดีที่สุด
เมื่อถามว่า หากออกหมายเรียกแล้วไม่มา จนออกหมายจับแล้วก็ยังไม่มาอีกในสัปดาห์นี้จะต้องดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วใช่หรือไม่ นายสุเทพตอบว่า ผบ.ตร.ยืนยันว่าจะดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง ส่วนที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ ท้าให้จับกุมนั้น ท่านก็ไม่ค่อยฟังและไม่ค่อยยอมอยู่แล้ว เจ้าหน้าที่ก็ต้อง อดทน เมื่อถามว่า ในเมื่อ ผบ.ตร.ไม่สามารถทำได้ ทำไมไม่เปลี่ยนเอาคนที่ทำได้เข้ามารับผิดชอบ นายสุเทพกล่าว ว่า ขณะนี้ยังทำได้อยู่ และดีที่สุดเท่าที่มีอยู่ในทีมนี้ ค่อยๆดูไปก่อน ยังมีวันที่ 15-16 ก.พ. ที่ยังต้องรอดูอีก เมื่อถามว่า หมายความว่าวันที่ 15-16 ก.พ. จะมีการดำเนินการขั้นเด็ดขาดหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า เมื่อออกหมายเรียกมารายงานตัวแล้ว ยังไม่ปฏิบัติตามก็ต้องจับกุมดำเนิน คดีต่อไป ทุกอย่างชัดเจนไม่ได้มีอะไรที่ปิดบังอำพรางอะไร ฝ่ายแกนนำผู้ชุมนุมก็ควรจะได้ทราบขั้นตอนนี้ แต่ตนจะไม่ไปกดดัน เจ้าหน้าที่มีแนวทางอยู่แล้ว
ลั่นต้องทำบ้านเมืองสงบให้ได้
เมื่อถามว่า การเจรจาระดับเจ้าหน้าที่ทางแกนนำพันธมิตรฯก็ไม่ฟัง ทางแกนนำรัฐบาลจะต้องไปเจรจาเองหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ให้เจ้าหน้าที่ทำหน้าที่ของเขาเองดีกว่า เมื่อถามว่า เหมือนกับแกนนำพันธมิตรฯต้องการยั่วให้เจ้าหน้าที่ต้องเข้าไปใช้กำลัง นายสุเทพตอบว่า คงไม่ไปวิจารณ์อย่างนั้น แต่ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และไม่กดดัน ปล่อยให้ทำงานให้ตรงไปตรงมาและเข้มแข็ง เมื่อถามว่าเมื่อบรรยากาศเป็นอย่างนี้คงไม่มีโอกาสที่จะ ไปสู่การเลือกตั้งแบบที่รัฐบาลประกาศมาก่อนหน้านี้ก็คงไม่มีแล้ว เพราะยังคงมีทั้งศึกในศึกนอกประเทศ นายสุเทพกล่าวว่า มันคงสงบลงได้ ต้องทำให้สงบเรียบร้อยให้ได้
นายกฯพร้อมให้สื่อเปิดเวทีเจรจา
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทยเสนอตัวเป็นตัวกลางเปิดเวทีให้รัฐบาลเจรจากับกลุ่มพันธมิตรประชาชนฯในการแก้ปัญหาการชุมนุมว่า รัฐบาลพร้อมพูดคุย นายกฯไม่มีเงื่อนไขอะไร หากจะมีองค์กรที่ทั้งสองฝ่ายรับได้มาช่วยก็ไม่มีปัญหา ขณะนี้มีความจำเป็นมากที่รัฐบาลกับกลุ่มพันธมิตรฯต้องทำงานร่วมกัน เพราะความพยายามของกัมพูชาในการยกระดับปัญหาสู่สากลให้ไทยออกจากพื้นที่ปราสาทพระวิหาร และสร้างภาพลักษณ์ว่าไทยก้าวร้าวรุนแรง จึงจำเป็นต้องผนึกกำลังกันเพื่อช่วยให้จุดยืนของไทยในเวทีนานาชาติดีขึ้น ทั้งนี้สาเหตุที่กัมพูชาต้องการให้นานาชาติเข้ามาแทรกแซง เนื่องจากคุ้นเคยกับการที่นานาชาติเคยเข้ามาแก้ปัญหาสงครามกลาง เมืองภายในประเทศกัมพูชา แต่ไม่คุ้นเคยกับหลักอธิปไตยและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ต้องยึดหลักแก้ปัญหาด้วยตัวเองก่อน เพราะอยู่กับสงครามกลางเมืองมานาน โดยไม่มองว่าการดึงนานาชาติเข้ามาจะมีผลเสียอย่างไร มองถึงผลประโยชน์อย่างเดียว
งัดหลักฐานเขมรสารภาพยิงไทยก่อน
นายปณิธานกล่าวว่า ขณะนี้นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ พร้อมแล้วที่จะชี้แจงต่อสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ทั้ง 15 ประเทศ ถึงกรณีปัญหาข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ในเวลา 22.00 น. วันที่ 14 ก.พ. ตามเวลาในประเทศไทย จากนั้นเวลา 06.00 น. วันที่ 15 ก.พ. นายกษิตจะโฟนอินชี้แจงผลการประชุมผ่านทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 และช่อง 11 และในเวลา 10.00 น. จะชี้แจงผลการประชุมมายังกระทรวงการต่างประเทศ โดยสิ่งที่จะไปชี้แจงต่อยูเอ็นเอสซีคือ 1.ไทยดำเนินการตามพันธกรณีกับกัมพูชาในฐานะเพื่อนบ้านที่ดีอย่างสันติวิธี 2.ไทยมีหลักฐานทางทหารชัดเจน และคำสัมภาษณ์ของผู้สื่อข่าวต่างประเทศที่ไปสัมภาษณ์ทหารกัมพูชา ซึ่งยอมรับว่าเป็นฝ่ายโจมตีไทยก่อน เนื่องจากเห็นรถแทรกเตอร์เข้ามา จึงเป็นฝ่ายเริ่มยิงก่อน 3.กัมพูชาโจมตีพื้นที่พลเรือนไทย 4.กัมพูชาใช้พื้นที่ปราสาทพระวิหารเป็นพื้นที่ทางทหาร
เชื่อยูเอ็นให้ไทย-กัมพูชาคุยกันเอง
นายปณิธานกล่าวว่า ไทยจะพยายามแสดงให้ยูเอ็นเอสซีเห็นว่าการกระทำของกัมพูชามีการเตรียมการมาก่อน โดยการพยายามใช้กำลังโจมตีประเทศไทย เพื่อยกระดับปัญหาไปสู่สากล เชื่อว่า ในที่สุดแล้วถ้อยแถลงของยูเอ็นเอสซีจะเห็นด้วยกับไทยคือให้ไทย-กัมพูชาเจรจาแก้ปัญหากันเองก่อน และคงเป็นไปได้ยากที่นานาชาติจะส่งกองกำลังรักษาสันติภาพเข้ามาในพื้นที่เพื่อแก้ปัญหาข้อพิพาทไทย-กัมพูชา นอกจากนี้ ไทยจะรายงานยูเอ็นเอสซีถึงกรณีที่ทหารกัมพูชายิงปืนใหญ่ยั่วยุไทย เมื่อคืนวันที่ 13 ก.พ.ด้วย เพราะเป็นเหตุการณ์ที่มีแนวโน้มไม่ดี ซึ่งไทยพยายามอดกลั้นไม่ให้เกิดการปะทะกันอีก มั่นใจว่าสหประชาชาติรับทราบข้อมูลดีอยู่แล้ว และมีข้อมูลของตัวเองอยู่ ขณะนี้สื่อต่างประเทศเริ่มรายงานว่า กัมพูชาเป็นฝ่ายเคลื่อนกำลังพลก่อน
นายกฯลงพื้นที่เมื่อปลอดภัย
นายปณิธานกล่าวว่า ส่วนกรณีองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ยืนยันจะส่งทูตพิเศษเข้ามาดูพื้นที่ปราสาทพระวิหารนั้น ยังไม่มีการแจ้งให้ทางการไทยทราบอย่างเป็นทางการ แต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี งดหรือระงับการลงพื้นที่ไปก่อน หากทางยูเนสโกยืนยันจะส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาผ่านทางฝั่งกัมพูชา คงต้องคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัย และผลกระทบที่จะตามมา ส่วนการลงพื้นที่ของนายกฯที่ จ.ศรีสะเกษ นั้น ต้องรอให้สถานการณ์มีความปลอดภัยก่อน รวมถึงบรรยากาศทางการเมืองระหว่างประเทศด้วย คาดว่านายกฯจะลงพื้นที่ได้เร็วๆนี้
ปชป.ปัดเหยียบศพ พธม.ขึ้นใหญ่
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายสำราญ รอดเพชร โฆษกพรรคการเมืองใหม่ ระบุพาดพิงพรรคประชาธิปัตย์ว่า เหยียบศพกลุ่มพันธมิตรฯขึ้นมามีอำนาจ และถามว่าทำไมตนถึงมีอคติต่อการเมืองข้างถนนว่า ขอยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้เหยียบศพใคร โดยเฉพาะกลุ่มพันธมิตรฯ แม้แต่รอยเลือดในวันที่ 7 ต.ค. พรรคก็แสดงให้เห็นชัดมาแล้วที่ไม่เข้าร่วมประชุมสภา "หากการเมืองภาคประชาชนแสดงออกภายใต้กรอบของกฎหมายก็สามารถยอมรับได้ แต่หากมีพรรคการเมืองเข้าไปแอบแฝงกับกลุ่มการเมืองภาคประชาชน เช่น พรรคเพื่อไทย ก็ไม่มีใครยอมรับได้
ที่ผ่านมากลุ่มพันธมิตรฯเคยเป็นการเมืองภาคประชาชน แต่เมื่อแกนนำมาตั้งพรรค ก็ควรต้องสู้ผ่านเวทีเลือกตั้ง เพราะปัจจุบันนี้แยกไม่ออกระหว่างกลุ่มการเมืองภาคประชาชนกับกลุ่มพันธมิตรฯ หากอยากเป็นนักการเมืองก็ควรพิสูจน์บนเวทีเลือกตั้ง และโฆษกการเมืองใหม่ประกาศว่าจะลงเลือกตั้ง พรรคก็ยินดีและอยากให้การเมืองใหม่แยกออกจากกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ควรร่วมมือใช้เวทีเดียวกัน"
บัวแก้วเผยขั้นตอนชี้แจงยูเอ็นเอสซี
เมื่อเวลา 13.00 น. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์จากนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ถึงรูปแบบการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอสซี ที่นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ จะเข้าชี้แจงในวันที่ 14 ก.พ. เวลา 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตรงกับไทยในเวลา 22.00 น. ว่า การประชุมดังกล่าวเป็นรูปแบบปิด มีเพียงประเทศสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และประเทศคู่กรณีที่เกี่ยวข้อง โดยผู้กล่าวนำถึงที่มาที่ไปของการประชุมจะเป็นเจ้าหน้าที่จากสำนักงานยูเอ็น จากนั้นเป็นการกล่าวของนายฮอร์ นัมฮง รองนายกฯและ รมต.ต่างประเทศกัมพูชา ตามด้วยนายกษิต ปิดท้ายด้วยนายมาตี้ นาตาเลกาวา รมต.ต่างประเทศอินโดนีเซีย ในฐานะประเทศประธานอาเซียน คาดว่าแต่ละคนจะใช้เวลาพูดประมาณ 15-30 นาที
"กษิต"เตรียมแถลงผลข้ามทวีป
นายธานีกล่าวว่า ส่วนผลการประชุมจะออกมาได้หลายรูปแบบ ทั้งเป็นข้อมติ แถลงการณ์ของประธาน คำให้สัมภาษณ์ของประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ซึ่งขณะนี้เป็นประเทศบราซิล อย่างไรก็ตามเมื่อประชุมแล้วเสร็จคาดว่าผู้ที่เกี่ยวข้องจะให้สัมภาษณ์ หน้าห้องประชุม ขณะเดียวกันมีรายงานว่านายกษิตมีกำหนดการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการภายหลังการประชุมเวลา 15.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับวันที่ 15 ก.พ. เวลา 03.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งสามารถติดตามการสัมภาษณ์และการแถลงข่าวได้ที่ www.un.org/webcast นอกจากนี้ นายกษิตจะให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์มายังสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยในเวลา 06.30 น. วันที่ 15 ก.พ. เวลาประเทศไทยด้วย ส่วนการหารือทวิภาคีระหว่างนายกษิตและนายฮอร์ นัมฮง ขณะนี้ยังไม่มีกำหนดการที่แน่นอน แต่จะเจอกันก่อนประชุมระยะเวลาหนึ่งก่อน
"อัษฎา" ย้ำท่าทีต่อยูเนสโกแล้ว
เมื่อถามว่าการเดินทางไปชี้แจงกับองค์การศึกษา วิทยาศาตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก ของนายอัษฎา ชัยนาม ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (เจบีซี) ไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย นายธานีตอบว่า นายอัษฎาได้พบกับผู้ช่วยผู้อำนวยการยูเนสโก ได้ชี้แจงถึงประเด็นปัญหาการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกที่ยังไม่มีความชัดเจนระหว่าง 2 ประเทศ โดยขอให้ชะลอการทำแผนบริหารจัดการก่อน เพราะทำให้เกิดปัญหาความตึงเครียด ซึ่งหลังการชี้แจงกับยูเนสโกได้รับทราบข้อมูล ขณะเดียวกันยูเนสโกเพิ่งเปลี่ยนทีมบริหารที่ดูเรื่องนี้ เมื่อถามอีกถึงกรณีที่ยูเนสโกเตรียมส่งทูตพิเศษมาสำรวจพื้นที่ปราสาทพระวิหารบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นายธานีตอบว่า เป็นข้อเสนอของ ยูเนสโก จะมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงเข้ามาดูแล หากประสานมาขอพบปะ ฝ่ายไทยต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมว่าไทยสะดวกจะพบหรือไม่
เรียกร้องยูเอ็นเอสซีช่วยตกลงหยุดยิง
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ก่อนที่นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศของไทย และนายฮอร์ นัม ฮง รมว.ต่างประเทศกัมพูชา จะเข้าชี้แจงต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ในนครนิวยอร์ก เมื่อ 14 ก.พ. นายคอย ควง โฆษกของนายฮอร์ นัม ฮง แถลงที่กรุงพนมเปญว่า ในการชี้แจงครั้งนี้ นายฮอร์ นัม ฮง จะหยิบยกเรื่องสงครามที่ไทยเป็นผู้รุกรานกัมพูชาขึ้นมาพูดด้วย นอกจากนี้จะเรียกร้องให้ยูเอ็นเอสซีช่วยทำให้ไทยและกัมพูชาตกลงหยุดยิงเป็นการถาวรด้วย
ฉีดยากันยุงในพื้นที่ชุมนุม
ทางด้านบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ยังคงปักหลักอยู่ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ เช่นเดียวกัน กลุ่มเครือข่ายประชาชนไทยหัวใจรักชาติ ที่ยังคงปักหลักชุมนุมกันอย่างเหนียวแน่น นอกจากนี้ เนื่องจากหลายวันที่ผ่านมาได้มีฝนตกลงมา ทำให้พื้นที่ชุมนุมมีการสะสมของแมลงและยุง ทำให้ เจ้าหน้าที่ของกองทัพธรรมได้นำเครื่องฉีดพ่นกันยุงมาฉีดพ่นตามท่อระบายน้ำรอบพื้นที่ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ และกลุ่มเครือข่ายประชาชนไทยหัวใจรักชาติ เพื่อป้องกันยุงและแมลงต่างๆ
เตรียมออกหมายเรียกแกนนำ พธม.
อีกด้าน เวลา 11.00 น. ที่ บช.น. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. และ พ.ต.อ.วีรวิทย์ จันทร์จำเริญ รอง ผบก.น.1 กล่าวถึงกรณีที่ได้รับมอบหมายจาก ศอ.รส.ให้ เตรียมออกหมายเรียกแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯในวันที่ 15 ก.พ. หลังเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมแล้วไม่ยอมเปิดเส้นทางการจราจรตามคำสั่ง ว่า บช.น.มีการเจรจากับแกนนำอยู่บ่อยครั้ง เพื่อให้เปิดพื้นที่การจราจรให้กับประชาชน เนื่องจากประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก เมื่อเจรจาไม่ได้ผล ก็ต้องบังคับใช้กฎหมาย ตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ. เป็นต้นไป จะทยอยออกหมายเรียกผู้ฝ่าฝืน พ.ร.บ.ความมั่นคงฯมารับทราบข้อกล่าวหา การออกหมายเรียกจะเริ่มจากการรวบรวมพยานหลักฐาน ถอดเทปการขึ้นปราศรัย ลำดับแรกจะเป็นบุคคลที่เห็นภาพและเสียงปรากฏชัดเจน เพราะถนนที่พันธมิตรฯชุมนุมนั้น เป็นพื้นที่ประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ส่วนกลุ่มเสื้อแดงที่ชุมนุมเมื่อวันที่ 13 ก.พ. ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถึงแม้จะอยู่ในพื้นที่ประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ แต่กลุ่ม นปช.อยู่นอกพื้นที่ประกาศห้ามชุมนุม
เผยพบอาวุธเพียบในการชุมนุม
รอง ผบช.น.ฝ่ายกฎหมายและสอบสวน กล่าวว่าการชุมนุมที่บอกว่าชอบด้วยกฎหมายจะต้องสงบปราศจากอาวุธ แต่หลังๆมีการจับกุมอาวุธมากขึ้น เช่น ระเบิดปิงปอง พบไม้เหลาแหลม ยางรถยนต์ ไม้รวก เป็นต้น ซึ่งเริ่มกลับมาอีกแล้ว ดังนั้น แกนนำผู้ชุมนุมควรเปิดทางให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้นหาอาวุธ ตนจะมอบให้ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 เป็นผู้เจรจา ช่วงเย็นวันนี้จะเสนอในที่ประชุม ศอ.รส. ให้ตำรวจเข้าตรวจค้นพื้นที่การชุมนุม สิ่งใดที่สามารถใช้เป็นอาวุธให้ส่งคืนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เช่น ไม้ไผ่เหลาแหลม การชุมนุมไม่ควรละเมิดสิทธิ์ของผู้อื่นและอยู่ในสิทธิ์ของตัวเอง และอย่าเตรียมการที่รุนแรงเด็ดขาด
จำลองฟ้องสมยศเรียก 220 ล้านบาท
ในช่วงบ่าย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เดินทางไปยังศาลแพ่ง ยื่นฟ้อง พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้ช่วย ผบ.ตร. หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีก่อการร้าย เป็นจำเลย ฐานละเมิดเรียกค่าสินไหมทดแทน 220 ล้านบาท โดยฟ้องว่า จำเลยให้ข่าวฝ่าฝืนต่อความจริง ออกหมายเรียกโจทก์ และบุคคลอื่นๆ กล่าวหาโจทก์เป็นผู้ก่อการร้าย ให้สัมภาษณ์ ข่มขู่ว่า หากไม่มาตามหมายจะออกหมายจับในข้อหาก่อการร้าย อันเป็นการตั้งข้อหาที่ร้ายแรงกว่าพฤติการณ์ แห่งคดี การให้ข่าวดังกล่าวมีการเผยแพร่ไปทั่วโลก ทำความเสียหายแก่โจทก์ด้านชื่อเสียง เกียรติยศ เพราะจำเลยรู้ดีว่าโจทก์เป็นคนมีชื่อเสียง มีคนเคารพนับถือ ต้องมาเสื่อมเสียชื่อเสียง การกระทำของจำเลยเป็นการนอกเหนืออำนาจหน้าที่ จงใจฝ่าฝืนทำให้โจทก์เสียหายหลายครั้ง ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 220 ล้านบาท และให้ลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ทุกฉบับเป็นเวลา 30 วัน ศาลรับคดีไว้พิจารณา และกำหนดนัดวันสืบพยานในวันที่ 25 เม.ย.54 เวลา 09.00 น.
"สมยศ" ยื่นลาออก หน.ชุดสอบสวนคดี พธม.
ด้าน พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวว่า ไม่รู้สึกหนักใจกับการฟ้องร้องดังกล่าว เนื่องจากมีความมั่นใจในการทำหน้าที่ว่าอยู่ในกรอบของกฎหมายไม่มากหรือน้อยไปในการปฏิบัติหน้าที่ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีดังกล่าว ไม่ได้มีการกลั่นแกล้ง ทุกอย่างทำไปตามที่กฎหมายกำหนด และไม่ได้ใช้ความรู้สึกส่วนตัวในการทำงาน หลังจากการสอบสวนคดีเสร็จสิ้น ได้ส่งสำนวนคดีให้ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. และได้ยื่นหนังสือถึง ผบ.ตร. ขอให้มีการเปลี่ยนตัวหัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีดังกล่าวก่อนหน้าที่จะถูก พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ฟ้องร้อง โดยหลังจากได้รับคำสั่งได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนคดี ได้ทุ่มเททั้งกำลังกายกำลังใจ ได้ใช้ ทุนทรัพย์ส่วนตัวไปเป็นจำนวนมาก โดยไม่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติแต่อย่างใด จนการสอบสวนเสร็จสิ้นมีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหา และเสนอสำนวนการสอบสวนให้ ผบ.ตร.พิจารณา ระหว่างที่เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีนี้ ตนถูกวิพากษ์วิจารณ์ และถูกกล่าวหาจากหลายฝ่ายว่าไม่มีความเหมาะสม อีกทั้งได้รับการกดดันจากหลายๆด้าน และส่งผลกระทบถึงครอบครัวและคนใกล้ชิดมาโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาในทุกๆด้านที่เกิดขึ้น จึงขอให้ ผบ.ตร.เปลี่ยนตัวหัวหน้าพนักงานสอบสวน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.สมยศได้ยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. เพื่อขอเปลี่ยนตัวจากการเป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯบุกรุกท่าอากาศยานดอนเมือง และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตั้งแต่ปลายเดือน ม.ค. แต่ยังไม่ได้มีคำสั่งอนุมัติจาก พล.ต.อ.วิเชียร
มั่นใจกษิตชี้แจงยูเอ็นเอสซีได้
เวลา 17.00 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษก พธม. ร่วมกันแถลงแสดงความมั่นใจว่า นายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ จะสามารถนำหลักฐานข้อเท็จจริงในเหตุการณ์ ปะทะ ระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาบริเวณชายแดน จ.ศรีสะเกษ ต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ได้ และทำให้ยูเอ็นยุติความพยายามเข้ามา แทรกแซงตามที่กัมพูชาร้องขอ เนื่องจากขณะนี้ไทยอยู่ ในสภาพได้เปรียบรัฐบาลกัมพูชา ในกรณีที่ทหารกัมพูชายิงอาวุธที่มีสารสกัดจากฟอสฟอรัสที่เป็นอันตรายเข้าใส่ ประชาชนไทย รวมทั้งมีภาพถ่ายจากสำนักข่าวต่างประเทศระบุชัดว่า ทหารกัมพูชาตั้งฐานทัพบนปราสาทพระวิหาร ซึ่งขัดต่อหลักการของยูเนสโก อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไทยก็ยังมีข้อเสียเปรียบ คือไม่พยายามฟ้องยูเอ็นเอสซีในฐานะผู้เสียหาย ที่ถูกกัมพูชารุกเขตแดน ปล่อยให้ กัมพูชากล่าวหาว่า ไทยรุกเขตแดนแต่ฝ่ายเดียว จากรายงานของหนังสือโกลบอลวิธเนส (Global Withness) ระบุว่า สมเด็จฮุน เซน และนายซกอานได้ทำธุรกิจขายทรัพยากร ของประเทศกัมพูชาทุกอย่าง ให้กับนานาชาติเพื่อหาผลประโยชน์ให้ตนเอง อันเป็นผลพวงให้นานาชาติหันมา สนับสนุนข้อเรียกร้องของกัมพูชาในเวทีระดับโลก
เย้ยสมยศลาออกเพราะกลัวติดคุก
ขณะที่นายปานเทพ กล่าวว่า กรณี พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้ช่วย ผบ.ตร. ขอลาออกจากหัวหน้าพนักงาน สอบสวน คดีกลุ่มพันธมิตรฯปิดสนามบินนั้น ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.วุฒิ พัวเวส รอง ผบ.ตร. ก็เคยลาออกจากตำแหน่งนี้มาแล้ว เพราะกลัวที่จะต้องติดคุกตลอดชีวิตที่กล่าวหา พธม.เป็นเท็จ เนื่องจาก พธม.ไม่ใช่ ผู้ก่อการร้าย เป็นผู้ก่อการดี
ด้าน พล.ต.จำลอง กล่าวว่า 20 วันที่ พธม.ชุมนุมมา แม้จะถือว่าประสบความสำเร็จ เพราะสามารถกดดัน ให้กระทรวงการต่างประเทศ รวมทั้งกองทัพรุกขึ้นมาปกป้องอธิปไตยของประเทศ แต่เราก็ยังไม่ยุติการชุมนุมเนื่องจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ไม่ได้ ดำเนินการตามข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อ มีแต่พยายามโต้วาที และเถียงข้างๆ คูๆ ยืนยันว่ารัฐบาลประกาศยุบสภา พธม. ก็จะชุมนุมต่อจนกว่าข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อ ได้รับการปฏิบัติ การชุมนุมนี้ พธม.จะแพ้ไม่ได้ เพราะถ้าแพ้หมายถึงประเทศ ไทย เสียดินแดน
"อภิสิทธิ์" ขานรับคนกลางคุย พธม.
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีที่สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย อาสาเป็นคนกลางจัดเวทีเจรจาหาทางออกกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ระหว่างรัฐบาลกับพันธมิตรฯ ว่า ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่พันธมิตรฯบอกว่าเลยขั้นตอนที่จะมาเจรจากันแล้ว นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ก็ต้องถามว่าทำไม เชื่อว่าทุกฝ่ายต้องการเห็นความสงบสุขเกิดขึ้น เมื่อข้อมูลไม่ตรงกันก็มาแลกเปลี่ยนกัน วันนี้ตนเห็นพันธมิตรฯเรียกร้องว่าต้องพยายามแก้ปัญหาในกรอบทวิภาคี ซึ่งเป็นจุดที่รัฐบาลยืนยันมาโดยตลอดอยู่แล้ว แต่ไม่ยอมมาพูดพร้อมกัน และไปหยิบปัญหาแต่ละเรื่องแต่ละมุมมา มันทำให้เกิดช่องว่างมากขึ้น เวลานี้ก็มีความพยายามเปลี่ยนรูปแบบการชุมนุมเป็นไปในลักษณะที่กล่าวหา และจะสังเกตเห็นว่าเอกสารข้อมูลหลายเรื่องที่พันธมิตรฯไปหยิบมาเป็นปัญหาที่เคยดำเนินการในอดีต ซึ่งรัฐบาลชุดปัจจุบันเข้ามาแก้ไขไปแล้ว
ไม่เอาดีเบตชี้บางเรื่องต้องคุยลับ
ต่อข้อถามว่า นายกฯจะไปเจรจากับพันธมิตรฯเอง หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ไม่มีปัญหา เมื่อถามว่า จะเป็นรูปแบบลักษณะดีเบตออกทีวีหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ตนไม่ต้องการดีเบต ตอนนี้พันธมิตรฯเขาไม่ยอมให้มีเวทีที่จะเอาข้อมูลมาแลกเปลี่ยน เมื่อถามว่า ทางพันธมิตรฯบอกว่าพร้อมแล้ว นายอภิสิทธิ์ตอบว่า เห็นเมื่อวานบอกไม่เอา วันก่อนก็ไม่เอา คือตนไม่ได้มีปัญหา ถ้าพร้อมก็พร้อม เพราะข้อมูลมันไม่ได้เปลี่ยนไปไหน เราเอาข้อเท็จจริงมาพูดกัน และพูดด้วยความรับผิดชอบ เข้าใจว่าข้อมูลบางเรื่องเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน การทำงานด้านนี้ไม่ใช่ทุกเรื่องที่พึงจะเสนอออกมาทางสาธารณะ อาจจะมีผลกระทบต่อการทำงานของรัฐบาลไทยหรือต่อเวทีระหว่างประเทศ อันนี้ต้องเข้าใจ เมื่อถามว่า ถ้าปัญหาภายในของเราหาข้อยุติไม่ได้โดยเฉพาะเรื่องม็อบพันธมิตรฯ จะมีปัญหาในการไปเจรจาทวิภาคีหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ไม่มีหรอก จุดยืนในการดำเนินนโยบายต่างประเทศของรัฐบาลชัดเจน คิดว่าตรงนี้พันธมิตรฯต้องมีความเข้าใจด้วย
จี้ พธม.เปิดใจกว้างลดทิฐิ
"อยากให้พันธมิตรฯได้ฟัง และเปิดใจกว้างลดทิฐิ เพราะเริ่มต้นจากข้อเรียกร้องที่ขณะนี้ยิ่งทำยิ่งเป็นปัญหากับรัฐบาลไทยกับประเทศไทย ตอนนี้ให้ไปถอนตัวจากมรดกโลกก็เรียบร้อย ทางกัมพูชาเลยชัดเจน ลดทิฐิลงหน่อย ผมเข้าใจความห่วงใยก็มาคุยกัน และวันข้างหน้าสถานการณ์เป็นอย่างไร อาจจะมีการปรับกลยุทธ์อะไรกัน แต่ละฝ่ายมาคุยกันได้" นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อข้อถามว่า บรรยากาศดูแรงขึ้นทุกทีจะดึงกลับมาได้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ได้ เพราะถ้าไม่กลับมา ก็มีแต่จะแรงขึ้น ยกเว้นจะลากประเทศที่ 3 ประเทศที่ 4 เข้ามาซึ่งไม่ได้เป็นหลักประกันอะไรเลยว่าปัญหาจะลดลง
ขณะนี้อินโดนีเซียกับอาเซียนในภาพรวมสนับสนุนอยู่แล้วว่าเรื่องแบบนี้ต้องแก้ไขในระดับทวิภาคี ในช่วงสัปดาห์กว่าๆที่ผ่านมา กัมพูชาหวังผลที่จะลากไปสู่เวทีอื่น แต่หากเราสามารถชี้แจงข้อเท็จจริงได้ ยืนอยู่ในจุดที่อาเซียนแสดงออกแล้ว ตนคิดว่ากัมพูชาเขาต้องยอมรับ เพราะถ้าเวทีอื่นสนับสนุนให้กลับมาคุยกัน 2 ฝ่าย เขาก็ต้องมาคุยกัน 2 ฝ่าย
ผบ.ทบ.เชื่อสถานการณ์สงบแล้ว
วันเดียวกัน ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาว่าน่าจะสงบ ขณะนี้ชาวบ้านกลับบ้าน และทหารในพื้นที่วางกำลังไว้ มั่นใจว่าสามารถต้านทานได้ ประเด็นสำคัญคือ ถ้ามีการใช้อาวุธระยะไกลมา เราจะป้องกันลำบาก แต่คิดว่าการชี้แจงกับทางยูเอ็นน่าจะเข้าใจว่าต้องมาพูดคุยกันแบบทวิภาคีกันอย่างไร ขอให้รอฟังว่าชาติอื่นเขาจะว่าอย่างไร ยืนยันว่าทุกครั้งตนไม่เคยเป็นคนเริ่มก่อน ถ้ากัมพูชาไม่ล่วงละเมิดก่อน ตนก็ยิงไม่ได้ ถ้าเขายิงมาตรงไหน เราก็ต้องยิงไปตรงนั้น ไม่ได้ยิงเข้าหาคน เราต้องทำอย่างไรไม่ให้เหตุเกิดในวันข้างหน้า สงสารชาวบ้านที่วิ่งหนีกระจัดกระจาย
ทหารหยุดพูดมอบรัฐบาลเจรจา
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยอมรับว่าห่วงที่ต่างชาติจะเข้ามาแทรกแซงปัญหา เราพยายามเจรจาแบบทวิภาคี ให้คนอื่นมายุ่งน้อยที่สุด ถ้าปัญหาทุกเรื่องเราแก้กันเองก็จบ เพราะรบกันเองไม่ได้ แต่เมื่อใดก็ตามที่มีคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องก็จะวุ่นวาย เมื่อถามถึงความสัมพันธ์ระดับผู้นำทางทหารทั้งสองฝ่าย พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ความสัมพันธ์ทางกองทัพยังดีทุกคน ทุกระดับดีหมด แต่ตอนนี้ เมื่อมีปัญหากันอยู่ก็ยังไม่พูดคุยกัน แต่ในระดับล่างให้ คุยกัน ส่วนในระดับบนขอให้รัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศดำเนินการดีกว่า ขณะนี้เราช่วยเหลือเรื่องการสร้างบ้าน ซ่อมบ้าน ดูแลหลุมหลบภัย เมื่อถามถึงกรณีที่กองทัพภาคที่ 2 สามารถจับกุมสายลับกัมพูชาที่เข้ามาหาข่าวในพื้นที่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ไม่รู้ แต่เมื่อมีผู้ต้องสงสัยก็จะต้องดูกันไป ใครมาเดินเกะกะก็จะต้องตรวจสอบ
ทร.สั่งเรือรบลาดตระเวน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกองบัญชาการกองทัพเรือ ว่า พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผบ.ทร. ได้สั่งการให้กองทัพเรือภาคที่ 1 นำเรือฟริเกต หรือเรือพิฆาต (เรือรบติดจรวดปล่อยนำวิถี) ให้ปรับแผนการปฏิบัติงานตามปกติ โดยให้นำเรือฟริเกตออกไปปฏิบัติงานเพื่อลาดตระเวนในพื้นที่เกาะช้าง-เกาะกูด จ.ตราด ในภารกิจการป้องกันหากเกิดเหตุการณ์ปะทะบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา และเป็นการวางมาตรการเฝ้าระวังพื้นที่น่านน้ำของไทย หรือในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล การรักษาความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนคนไทย รวมถึงป้องกันการแทรกซึมการเข้ามาหาข่าวของกัมพูชา ที่สำคัญหากเกิดเหตุปะทะขึ้น เรือฟริเกตจะสามารถสนับสนุนทหารนาวิกโยธินในพื้นที่ทางบก หรือยิงปืนใหญ่สนับสนุนบริเวณชายฝั่งได้ทันที อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เรือฟริเกตเข้าปฏิบัติงานในพื้นที่เกาะช้าง-เกาะกูด จ.ตราด แล้ว ภายหลังก่อนหน้านี้กองทัพเรือได้ระดมเรือตรวจการณ์ปืนเข้าไปปฏิบัติงานบริเวณดังกล่าวเช่นเดียวกัน
ส.ว.ห่วงท่าที "กษิต" เพิ่มปัญหา
วันเดียวกัน ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมการเพื่อติดตามสถานการณ์บ้านเมือง วุฒิสภา โดยนายจิตติพจน์ วิริยะโรจน์ ส.ว.ศรีสะเกษ เป็นประธาน หารือถึงสถานการณ์ ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งกรรมการส่วนใหญ่เป็นห่วงท่าทีทางการทูตของไทย เนื่องจากที่ผ่านมา นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ได้กล่าวพาดพิงประเทศสมาชิกในสหประชาชาติหลายชาติ โดยนายคำนูญ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กรรมการฯ กล่าวว่า นายกษิตไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ เพราะไม่สามารถควบคุมการแสดงออกในที่สาธารณะได้ เช่นเดียวกับ พล.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดี ส.ว.สรรหา กรรมการฯ ที่เสนอให้รัฐบาลชุดนายอภิสิทธิ์ลาออกไปด้วย เพื่อแสดงความรับผิดชอบกับการดำเนินนโยบายต่างประเทศที่ทำให้ไทยเสียเปรียบกัมพูชา ขณะที่นายสุโข วุฑฒิโชติ ส.ว.สมุทรปราการ กรรมการฯ กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยที่จะตำหนินายกษิตเพียงคนเดียว ไทยควรแก้ปัญหาภายในประเทศให้ได้เสียก่อนที่จะไปแก้ปัญหาระหว่างประเทศ
เสียงปืนสงบเรียก นร.กลับมาเรียน
ส่วนความเคลื่อนไหว ที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเสียงปืนจากการปะทะกันสงบลงแล้ว และเมื่อเวลา 07.00 น. วันเดียวกัน นายบุญรวม พงษาปาน ผอ.โรงเรียนบ้านภูมิซรอล อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้ประกาศเสียงตามสายให้นักเรียนมาเรียนตามปกติ แต่ผู้ปกครองอาจยังไม่มั่นใจในสถานการณ์ ทำให้มีนักเรียนมาเรียนแค่ 100 คน จากนักเรียนทั้งหมด 380 คน นายวรรณะ บุญสุข ผอ.สพป.ศรีสะเกษ เขต 4 และนายสกล เขมพรรค ที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ นำสมุดดินสอที่ได้รับการบริจาคมามอบให้นักเรียนเป็นขวัญกำลังใจ ขณะที่ตามโรงเรียนแนวชายแดน อาทิ โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 27 โรงเรียนบ้านโดน-เอาว์ มีนักเรียนมาเรียนประมาณร้อยละ 25 เท่านั้น
องอาจเยี่ยมชาวบ้านภูมิซรอล
ต่อมาเวลา 09.10 น. นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะเดินทางมาเยี่ยมชาวบ้านภูมิซรอล หมู่ 12 ต.เสาธงชัย พร้อมนำสิ่งของมอบให้กับราษฎรที่บ้านได้รับความเสียหายจากลูกปืนใหญ่ จากนั้นได้ไปเยี่ยมนักเรียนที่โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา ซึ่งอาคารถาวรและอาคารชั่วคราวถูกกระสุนปืนใหญ่เสียหาย โดยนายประมูล แสวงผล ผอ.โรงเรียน กล่าวว่า วันนี้เปิดเรียนวันแรก มีนักเรียนมาเรียน 69 คน จาก 567 คน สาเหตุเป็นเพราะยังไม่มั่นใจในสถานการณ์ และบางส่วนยังอยู่กับญาติที่ต่างอำเภอ โรงเรียนได้สร้างห้องเรียนชั่วคราวใต้ถุนอาคาร จำนวน 2 ห้อง กางเต็นท์อีก 2 หลัง ส่วนครู บุคลากรมีความพร้อม จึงแจ้งให้นักเรียนมาเรียนเพราะเกรงจะเรียนไม่ทัน
ชง ครม.ช่วยเหลือผู้เดือดร้อนเหตุปะทะ
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายก กล่าวว่า ได้มาตรวจเยี่ยมและประมวลความเสียหายทั้งส่วนของราษฎรและโรงเรียน เพื่อจะได้นำเสนอคณะรัฐมนตรี ให้ปรับปรุงในส่วนที่ชำรุด และเพิ่มเติมในส่วนที่ยังขาด ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดสามารถใช้งบฉุกเฉินช่วยเหลือได้โดยไม่ต้องรออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี และมั่นใจว่าการเจรจาทวิภาคีน่าจะตกลงกันได้ โดยเฉพาะชาติอาเซียนเองก็ไม่อยากให้กลุ่มประเทศเดียวกันต้องสู้รบกัน โดยในช่วงบ่าย นายองอาจได้เชิญผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้เกี่ยวข้อง ประชุมสรุปแนวทางการแก้ปัญหาต่อไป สำหรับการปะทะกันระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ทำให้บ้านเสียหายทั้งหลังจำนวน 7 หลัง ต้องสร้างใหม่ ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 5 แสนบาท ส่วนบ้านที่เสียหายบางส่วนมีอีกกว่า 40 หลัง ได้จ่ายเงินสดช่วยเหลือหลังละ 5,000 บาท ส่วนความเสียหายทางการเกษตร เช่น สวนยางพาราที่เสียหายเป็นแสนไร่ เบื้องต้นได้ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เข้าไปสำรวจรายละเอียดแล้ว แต่ต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง นอกจากนี้ ชาวบ้านได้เรียกร้องให้เพิ่มหลุมหลบภัยและบังเกอร์ด้วย ซึ่งในวันที่ 15 ก.พ.จะรายงานต่อที่ประชุม ครม.เพื่อพิจารณางบประมาณในการช่วยเหลือเพิ่มเติม

วันวาเลนไทน์
กุมภาพันธ์เป็นเดือนที่อบอวลไปด้วยความสุขการแสดงถึงความรัก ความห่วงใยถึงคนที่ เราปรารถนาดีและ
อยากให้เขามีความสุข และเป็นที่รับรู้กันทั่วโลกว่าวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันแห่งความรัก และวันนี้ยังมีคิวปิด หรือกามเทพ ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของ วันวาเลนไทน์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด คิวปิดเป็นบุตรของวีนัสและมาร์ส แต่ ชาวกรีกเรียกคิวปิดว่า อีรอส ภาพของ คิวปิดที่มนุษย์โลกปัจจุบันได้รู้จัก
ก็คือภาพเด็กน้อยที่ถือคันธนูและลูกศร มีหน้าที่ยิงศรรักให้ปักใจคน ปัจจุบัน คิวปิดและธนูของเขากลายมาเป็น เครื่องหมายแห่งความรักที่เป็นที่รู้จัก มากที่สุด และความรักของเขามีกล่าวถึงบ่อยในภาพของ การยิงศรรัก ระหว่าง หัวใจสองดวงให้รักกัน เรียกกันว่า ศรรักคิวปิด เราจึงมาเล่าสู่กันฟังเกี่ยว กับประวัติความเป็นมาและความสำคัญ ของวันนี้กันค่ะเทศกาลวาเลนไทน์ เริ่มมีขึ้น ตั้งแต่ยุคที่จักรวรรดิโรมันเรืองอำนาจ ในยุคนั้น วันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี ถูกจัดให้เป็นวันหยุดเพื่อเป็นเกียรติแต่เทพเจ้าจูโนผู้เป็น จักรพรรดินีแห่งเทพเจ้าโรมัน นอกจาก นี้แล้วพระองค์ยังทรงเป็นเทพเจ้าแห่ง อิสตรีเพศและการแต่งงานและในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ เป็นวันเริ่มต้นเทศกาล เฉลิมฉลองแห่งลูเพอร์คาร์เลีย การ ดำเนินชีวิตของหนุ่มสาวจะ ถูกตัดขาดออกจากกันอย่างสิ้นเชิง ในรัชสมัยของ จักรพรรดิคลอดิอัส ที่ 2 แห่ง กรุงโรม พระองค์ ทรงเป็นกษัตริย์ที่มี ใจคอดุร้ายและทรงนิยม การ ทำสงครามนองเลือด ได้ทรงตระหนักว่าเหตุที่ ชายหนุ่มส่วนมากไม่ประสงค์จะเข้าร่วม ในกองทัพเนื่องจากไม่อยากจากคู่รัก และครอบครัวไป จึงทรงมีพระราชโอง การสั่งห้ามมิให้มีการจัดพิธีหมั้นและ แต่งงานกันในโรมโดยเด็ดขาด ทำให้ ประชาชนทุกข์ใจเป็นอย่างยิ่ง และขณะนั้น มีนักบุญรูปหนึ่งนามว่า เซนต์วาเลนไทน์ หรือวาเลนตินัส ซึ่งอาศัยอยู่ในโรมได้ ร่วมมือกับเซนต์มาริอัสจัดพิธีแต่งงานให้กับ ชาวคริสต์หลายคู่ และด้วยความปรารถนา ดีนี้เองจึงทำให้วาเลนไทน์ถูกจับและระ หว่างนี้ก็ยังคงส่งคำอวยพรวาเลนไทน์ ของเขาเองขณะที่เขาเป็นนักโทษ เป็น ความเชื่อว่าวาเลนไทน์ได้ตกหลุมรักหญิง สาวที่เป็นลูกสาวของผู้คุมที่ชื่อจูเลีย ซึ่งได้มาเยี่ยมเขาระหว่างที่ถูกคุมขัง ในคืนก่อนที่วาเลนไทน์จะสิ้นชีวิตโดยการถูกตัดศีรษะ เขาได้ส่งจดหมายฉบับ สุดท้ายถึงจูเลีย โดยลงท้ายว่าวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 270 หลังจากนั้นศพของเขาได้ถูก เก็บไว้ที่โบสถ์ พราซีเดส (Praxedes) ณ กรุงโรม จูเลียได้ปลูกต้นอามันต์ หรืออัลมอลต์สีชมพู ไว้ใกล้หลุม ศพของวาเลนตินัส แด่ผู้เป็น ที่รักของเธอ โดยในทุกวันนี้ ต้นอามันต์สีชมพูได้เป็นตัวแทน แห่งรักนิรันดรและมิตรภาพ อันสวยงาม และคำนี้ก็เป็นคำที่ใช้มา จนถึงปัจจุบัน ถึงแม้ว่าเบื้อง หลังความเป็นจริงของวาเลนไทน์จะ เป็นตำนานที่มืดมัว แต่เรื่องราวยังคง แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกสงสาร ความ กล้าหาญและที่สำคัญที่สุดเป็นเครื่องหมาย ของความโรแมนติค จึงไม่น่าประหลาดใจ เลยว่าในช่วงยุคกลางวาเลนไทน์เป็นนักบุญ ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในอังกฤษและฝรั่งเศส ต่อมาพระในนิกายโรมันคาทอลิกจึงเลือกให้ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันเฉลิมฉลอง เทศกาลแห่งความรักและดูเหมือนว่ายัง คงเป็นธรรมเนียมที่ชายหนุ่มจะเลือก หญิงสาวที่ตนเองพึงใจในวันวาเลนไทน์ สืบต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้วาเลนไทน์ ในแต่ละประเทศจะมีประเพณีหรือการ ปฏิบัติที่แตกต่างกันบ้าง แต่โดยรวมแล้ว จะมีการเฉลิมฉลองและเป็นการแสดงถึง ความรัก
ที่มีระหว่างกัน ต่อมาเมื่อความ เจริญก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีทางด้าน การพิมพ์เข้ามาเกี่ยวข้องมีการพิมพ์บัตร อวยพรโดยเข้ามาแทนที่จดหมายที่ เขียนด้วยลายมือ และปัจจุบันก็มีการส่ง บัตรอวยพรทางออนไลน์เพื่อ
แสดงถึงความ ก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศที่ช่วย ให้คนที่ต้องการ
แสดงความรักความห่วงใย ถึงคนที่รักได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ประวัติ วันวาเลนไทน์นี้ เป็นเรื่องที่เล่าต่อๆกันมา จนถึงปัจจุบัน เท่าที่ค้นหามาได้นี้เป็นเพียง หนึ่งในหลายๆเรื่องเท่านั้น แต่ไม่ว่าประวัติ ที่แท้จริง จะเป็นอย่างไรก็ตาม ใน ปัจจุบัน นี้เราได้ถือว่าวันวาเลนไทน์เป็น วันสำคัญวันหนึ่งในประวัติศาสตร์เลยที เดียว คุณสามารถส่งดอกไม้ ขนมและ การ์ด เพื่อบอกความนัยให้แก่คนพิเศษ ของคุณ วันนี้จะเป็นวันที่เราส่งความรู้สึก ดีๆให้แก่กัน
วันวาเลนไทน์
กุมภาพันธ์เป็นเดือนที่อบอวลไปด้วยความสุขการแสดงถึงความรัก ความห่วงใยถึงคนที่ เราปรารถนาดีและ
อยากให้เขามีความสุข และเป็นที่รับรู้กันทั่วโลกว่าวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันแห่งความรัก และวันนี้ยังมีคิวปิด หรือกามเทพ ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของ วันวาเลนไทน์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด คิวปิดเป็นบุตรของวีนัสและมาร์ส แต่ ชาวกรีกเรียกคิวปิดว่า อีรอส ภาพของ คิวปิดที่มนุษย์โลกปัจจุบันได้รู้จัก
ก็คือภาพเด็กน้อยที่ถือคันธนูและลูกศร มีหน้าที่ยิงศรรักให้ปักใจคน ปัจจุบัน คิวปิดและธนูของเขากลายมาเป็น เครื่องหมายแห่งความรักที่เป็นที่รู้จัก มากที่สุด และความรักของเขามีกล่าวถึงบ่อยในภาพของ การยิงศรรัก ระหว่าง หัวใจสองดวงให้รักกัน เรียกกันว่า ศรรักคิวปิด เราจึงมาเล่าสู่กันฟังเกี่ยว กับประวัติความเป็นมาและความสำคัญ ของวันนี้กันค่ะเทศกาลวาเลนไทน์ เริ่มมีขึ้น ตั้งแต่ยุคที่จักรวรรดิโรมันเรืองอำนาจ ในยุคนั้น วันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี ถูกจัดให้เป็นวันหยุดเพื่อเป็นเกียรติแต่เทพเจ้าจูโนผู้เป็น จักรพรรดินีแห่งเทพเจ้าโรมัน นอกจาก นี้แล้วพระองค์ยังทรงเป็นเทพเจ้าแห่ง อิสตรีเพศและการแต่งงานและในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ เป็นวันเริ่มต้นเทศกาล เฉลิมฉลองแห่งลูเพอร์คาร์เลีย การ ดำเนินชีวิตของหนุ่มสาวจะ ถูกตัดขาดออกจากกันอย่างสิ้นเชิง ในรัชสมัยของ จักรพรรดิคลอดิอัส ที่ 2 แห่ง กรุงโรม พระองค์ ทรงเป็นกษัตริย์ที่มี ใจคอดุร้ายและทรงนิยม การ ทำสงครามนองเลือด ได้ทรงตระหนักว่าเหตุที่ ชายหนุ่มส่วนมากไม่ประสงค์จะเข้าร่วม ในกองทัพเนื่องจากไม่อยากจากคู่รัก และครอบครัวไป จึงทรงมีพระราชโอง การสั่งห้ามมิให้มีการจัดพิธีหมั้นและ แต่งงานกันในโรมโดยเด็ดขาด ทำให้ ประชาชนทุกข์ใจเป็นอย่างยิ่ง และขณะนั้น มีนักบุญรูปหนึ่งนามว่า เซนต์วาเลนไทน์ หรือวาเลนตินัส ซึ่งอาศัยอยู่ในโรมได้ ร่วมมือกับเซนต์มาริอัสจัดพิธีแต่งงานให้กับ ชาวคริสต์หลายคู่ และด้วยความปรารถนา ดีนี้เองจึงทำให้วาเลนไทน์ถูกจับและระ หว่างนี้ก็ยังคงส่งคำอวยพรวาเลนไทน์ ของเขาเองขณะที่เขาเป็นนักโทษ เป็น ความเชื่อว่าวาเลนไทน์ได้ตกหลุมรักหญิง สาวที่เป็นลูกสาวของผู้คุมที่ชื่อจูเลีย ซึ่งได้มาเยี่ยมเขาระหว่างที่ถูกคุมขัง ในคืนก่อนที่วาเลนไทน์จะสิ้นชีวิตโดยการถูกตัดศีรษะ เขาได้ส่งจดหมายฉบับ สุดท้ายถึงจูเลีย โดยลงท้ายว่าวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 270 หลังจากนั้นศพของเขาได้ถูก เก็บไว้ที่โบสถ์ พราซีเดส (Praxedes) ณ กรุงโรม จูเลียได้ปลูกต้นอามันต์ หรืออัลมอลต์สีชมพู ไว้ใกล้หลุม ศพของวาเลนตินัส แด่ผู้เป็น ที่รักของเธอ โดยในทุกวันนี้ ต้นอามันต์สีชมพูได้เป็นตัวแทน แห่งรักนิรันดรและมิตรภาพ อันสวยงาม และคำนี้ก็เป็นคำที่ใช้มา จนถึงปัจจุบัน ถึงแม้ว่าเบื้อง หลังความเป็นจริงของวาเลนไทน์จะ เป็นตำนานที่มืดมัว แต่เรื่องราวยังคง แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกสงสาร ความ กล้าหาญและที่สำคัญที่สุดเป็นเครื่องหมาย ของความโรแมนติค จึงไม่น่าประหลาดใจ เลยว่าในช่วงยุคกลางวาเลนไทน์เป็นนักบุญ ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในอังกฤษและฝรั่งเศส ต่อมาพระในนิกายโรมันคาทอลิกจึงเลือกให้ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันเฉลิมฉลอง เทศกาลแห่งความรักและดูเหมือนว่ายัง คงเป็นธรรมเนียมที่ชายหนุ่มจะเลือก หญิงสาวที่ตนเองพึงใจในวันวาเลนไทน์ สืบต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้วาเลนไทน์ ในแต่ละประเทศจะมีประเพณีหรือการ ปฏิบัติที่แตกต่างกันบ้าง แต่โดยรวมแล้ว จะมีการเฉลิมฉลองและเป็นการแสดงถึง ความรัก
ที่มีระหว่างกัน ต่อมาเมื่อความ เจริญก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีทางด้าน การพิมพ์เข้ามาเกี่ยวข้องมีการพิมพ์บัตร อวยพรโดยเข้ามาแทนที่จดหมายที่ เขียนด้วยลายมือ และปัจจุบันก็มีการส่ง บัตรอวยพรทางออนไลน์เพื่อ
แสดงถึงความ ก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศที่ช่วย ให้คนที่ต้องการ
แสดงความรักความห่วงใย ถึงคนที่รักได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ประวัติ วันวาเลนไทน์นี้ เป็นเรื่องที่เล่าต่อๆกันมา จนถึงปัจจุบัน เท่าที่ค้นหามาได้นี้เป็นเพียง หนึ่งในหลายๆเรื่องเท่านั้น แต่ไม่ว่าประวัติ ที่แท้จริง จะเป็นอย่างไรก็ตาม ใน ปัจจุบัน นี้เราได้ถือว่าวันวาเลนไทน์เป็น วันสำคัญวันหนึ่งในประวัติศาสตร์เลยที เดียว คุณสามารถส่งดอกไม้ ขนมและ การ์ด เพื่อบอกความนัยให้แก่คนพิเศษ ของคุณ วันนี้จะเป็นวันที่เราส่งความรู้สึก ดีๆให้แก่กัน
การประเมินโรงเรียนในฝัน
สวัสดีค่ะยินดีต้อนรับท่านคณะกรรมการประเมินโรงเรียนในฝันรุ่น 3 ทุกท่านค่ะแล็บคอมพิวเตอร์มีอยู่ 6 กิจกรรมดังนี้ค่ะ
1.การสืบค้นข้อมูล
2.การทำหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
3.การทำการ์ตูนอนิเมชั่น
4.การตัดต่อวีดิโอ
5.การสร้างเว็บไซต์
6.การออกแบบผลิตภัณฑ์
1.การสืบค้นข้อมูล
2.การทำหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
3.การทำการ์ตูนอนิเมชั่น
4.การตัดต่อวีดิโอ
5.การสร้างเว็บไซต์
6.การออกแบบผลิตภัณฑ์
การประเมินโรงเรียนในฝัน
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอุบลราชธานี เขต 4 พร้อมรับการประเมินโรงเรียนในฝัน รุ่นที่ 3 นายวิโรฒ มีแก้ว รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานการประชุมคัดเลือกโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอุบลราชธานี เขต 4 เพื่อรับการประเมิน ตามโครงการโรงเรียนในฝันรุ่นที่ 3 ปี 2552 เพื่อให้การดำเนินงานมีความต่อเนื่องและสามารถพัฒนาโรงเรียน พัฒนาผู้เรียนอย่างทั่วถึง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอุบลราชธานี เขต 4 ได้คัดเลือกโรงเรียนในสังกัด จำนวน 4 แห่ง คือ โรงเรียนวิจิตราพิทยา โรงเรียนโคกสว่างคุ้มวิทยานุสรณ์ และโรงเรียนห้วยขะยุงวิทยาคาร และโรงเรียนนาเยียศึกษารัชมังคลาภิเษก เข้ารับการประเมินเป็นโรงเรียนในฝัน รุ่นที่ 3 ภายใต้หลักเกณฑ์ดีเด่น 6 ประการ คือ คุณภาพนักเรียน คุณภาพครู คุณภาพการจัดแหล่งเรียนรู้ คุณภาพกิจกรรมการพัฒนาทักษะชีวิต คุณภาพด้านสุขภาพอนามัย และคุณภาพด้านการบริหารจัดการศึกษา สำหรับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอุบลราชธานี เขต 4 มีโรงเรียนในสังกัดเข้าร่วมโครงการและผ่านการประเมินเป็นโรงเรียนในฝันชั้นดี ตั้งแต่ปี 2546-2549 ไปแล้ว 2 รุ่น จำนวน 7 โรง ถือเป็นการพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้กับเยาวชนในท้องถิ่นห่างไกล ให้มีโอกาสเรียนรู้อย่างเสมอภาค และเท่าเทียมกับโรงเรียนในชุมชนเมือง โดยใช้หลักการมีส่วนร่วมและอยู่อย่างพอเพียง
ประวัติคอมพิวเตอร์
ประวัติคอมพิวเตอร์
แรกเริ่มมนุษย์ดำเนินชีวิตโดยไม่มีการบันทึกสิ่งใด มาจนกระทั่งได้มีการติดต่อค้าขายของพ่อค้าชาวแบบีลอน(Babylonian) การจดบันทึกข้อมูลต่างๆ ลงบน clay tabletsจึงได้ถือกำเนิดขึ้น และอุปกรณ์ที่ช่วยในการคำนวนระหว่างการติดต่อซื้อขายก็ได้ถือกำเนิดขึ้นเช่นกัน อุปกรณ์คำนวณในยุคแรกได้แก่ ลูกคิด(abacus)ซึ่งก็ยังคงใช้กันต่อๆ มาจนถึงปัจจุบัน
- ประวัติคอมพิวเตอร์ ดำเนินมาถึง ปี พ.ศ. 2185 นักคณิตศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ชื่อ Blaise Pascal (แบลส ปาสกาล) ได้สร้างเครื่องกลสำหรับการคำนวณชื่อ pascaline
- ต่อมาในปี พ.ศ. 2215 เครื่องกล pascaline ของ Blaise Pasca ได้ถูกพัฒนาเพิ่มเติมโดย Gottfried Von Leibniz นักคณิตศาสตร์ชาวเยอร์มันโดยเพิ่มสามารถในการ บวก ลบ คูณ หาร และถอดรากได้ แต่ก็ไม่มีผู้ใดทราบว่าเครื่อง pascaline ที่ถูกพัฒนาเพิ่มเติมเครื่องนี้มีความสามารถในการคำนวนแม่นยำเพียงใด
- ปี พ.ศ. 2336 นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษ Charles Babbage ได้สร้างจักรกลที่มีชื่อว่า difference engine ที่มีฟังก์ชันทางตรีโกณมิติต่างๆ โดยอาศัยหลักการทางคณิตศาสตร์ และและต่อมาก็ได้สร้าง analytical engine ที่มีหลักคล้ายเครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วไปในปัจจุบัน จากผลงานดังกล่าว Charles Babbage ถูกยกย่องว่าเป็นบิดาของคอมพิวเตอร์และเป็นผู้ริเริ่มวางรากฐานคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน
- จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2480 Howard Aiken สร้างเครื่องกล automatic calculating machine ขึ้น จุดประสงค์ของเครื่องกลชิ้นนี้ก็คือ เพื่อเชื่อมโยงเทคโนโลยีทั้งทาง electrical และ mechanical เข้ากับบัตรเจาะรูของ Hollerith และด้วยความช่วยเหลือของนักศึกษาปริญญาและวิศวกรรมของ IBM ทีมงานของ Howard ก็ประดิษฐ automatic calculating machine สำเร็จในปี พ.ศ. 2487 โดยใช้ชื่อว่า MARK I โดยการทำงานภายในตัวเครื่องจะถูกควบคุมอย่างอัตโนมัติด้วย electromagnetic relays และ arthmetic counters ซึ่งเป็น mechanical ดังนั้น MARK I จึงนับเป็น electromechanical computers
- และต่อมา Dr. John Vincent Atanasoff และ Clifford Berry ได้ประดิษฐเครื่อง ABC (Atanasoff-Berry Computer) โดยใช้ หลอดสูญญากาศ (vacuum tubes)
- ปี พ.ศ. 2483 Dr.John W. Mauchy และ J. Presper Eckert Jr. ได้ร่วมกันพัฒนา electronic computer โดยอาศัยหลักการออกแบบบนพื้นฐานของ Dr. Atanasoff electronic computer เครื่องแรกมีชื่อว่าENIAC แม้จะเป็นelectronic computer แต่ENIACก็ยังไม่สามารถเก็บโปรแกรมได้(stored program) จึงได้มีการพัฒนาเป็นเครื่อง EDVAC ซึ่งอาศัยหลักการ stored program สมบูรณ์และได้มีการพัฒนาเป็นเครื่อง EDSAC และท้ายสุดก็ได้พัฒนาเป็นเครื่อง UNIVAC(Universal Automatic Computer) ในเวลาต่อมา
ในท้ายที่สุด หากจะจำแนกประวัติคอมพิวเตอร์ตามยุคของคอมพิวเตอร์(Computer generations) โดยแบ่งตามเทคโนโลยีของตัวเครื่องและเทคโนโลยีการเก็บข้อมูล ก็สามารถจะจัดแบ่งตามวิวัฒนาการได้ 4 ยุคด้วยกัน คือ
ยุคแรกเป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้เทคโนโลยีของหลอดสูญญากาศ และการเก็บข้อมูลเป็นแบบบัตรเจาะรู
ยุคที่สอง เป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้เทคโนโลยีของทรานซิสเตอร์ และการเก็บข้อมูลเป็นแบบเทป ลักษณะเป็นกรรมวิธีตามลำดับ(Sequential Processing)
ยุคที่สาม เป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้เทคโนโลยีของไอซี(integrated circuit, IC) และการเก็บข้อมูลเป็นแบบจานแม่เหล็ก ลักษณะเป็นการทำงานหลายโปรแกรมพร้อมกัน (Multiprogramming) และออนไลน์(on-line)
ยุคที่สี่ เป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้เทคโนโลยีของวงจรรวมขนาดใหญ่ (Large-scale integration, LSI) ของวรจรไฟฟ้า ผลงานจากเทคโนโลยีนี้คือ ไมโครโปรเซสเซอร์ (microprocessor ) กล่าวได้ว่าเป็น "Computer on a chip" ในยุคนี้
จะเห็นได้ว่าวิวัฒนาการจากอดีตถึงปัจจุบัน คอมพิวเตอร์ได้ถูกพัฒนาต่อๆ กันมาอย่างรวดเร็วทำให้วิทยาการด้านคอมพิวเตอร์ มีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา อาจกล่าวได้อีกว่าโลกของวิทยาการคอมพิวเตอร์นั้นมี การเคลื่อนไหวเสมอ(dynamics) แต่การรพัฒนาดังกล่าวกลับไม่ค่อยยืดหยุ่น(rigid)มากนัก เพราะหากเกิดความผิดพลาด ในกลไกเพียงเล็กน้อย บางครั้งก็อาจเป็นบ่อเกิดปัญหาที่ใหญ่โตมหาศาลได้ นอกจากนี้การพัฒนาคอมพิวเตอร์ยังนับได้ว่าเป็นโลกที่ควบคุมไม่ได้ หรือสามารถจัดการได้น้อย กล่าวคือ ทันทีที่คอมพิวเตอร์ทำงานด้วยโปรแกรม เครื่องก็ปฏิบัติงานไปตามโปรแกรมด้วยตนเอง และขณะที่เครื่องทำงานอยู่นั้นมนุษย์จะไม่สามารถควบคุมได้
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)






