เอา'ปราสาทพระวิหาร'มาเป็นพื้นที่ทางทหารร.ร.ชายแดนเปิดแล้ว
บัวแก้วเผยขั้นตอนชี้แจงยูเอ็นเอสซี "กษิต" เตรียมแถลงผลข้ามทวีป โฟนอินผ่านช่อง 5 และช่อง 11 เช้าวันที่ 15 ก.พ. งัดหลักฐานเขมร สารภาพยิงไทยก่อนโชว์ ให้คณะกรรมการดู ระบุเขมรพยายามโจมตี ไทยเพื่อยกระดับปัญหาไปสู่สากล ส่วนการเจรจากับ "ฮอร์ นัมฮง" ยังไม่มีกำหนดการแน่นอน นายกฯพร้อมให้สื่อเปิดเวทีเจรจากับพันธมิตรฯ ไม่เอาดีเบตเพราะบางเรื่องต้องคุยลับ ชี้พันธมิตรฯต้องเปิดใจกว้าง ลดทิฐิพบกันครึ่งทาง ขณะที่พันธมิตรฯเชื่อกษิตชี้แจงยูเอ็นเอสซีได้
ยังเป็นประเด็นทางการเมือง สำหรับปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.ศรีสะเกษ ซึ่งนายกษิต ภิรมย์ รมว. ต่างประเทศ ได้เดินทางไปชี้แจงต่อสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ทั้ง 15 ประเทศ ถึงกรณีปัญหาข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ที่กรุงนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกาแล้ว
"เทือก" รอทภ.2 รายงานจับสายลับเขมร
เมื่อเวลา 08.40 น. วันที่ 14 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีข่าวมีสายลับชาวกัมพูชา ถูกควบคุมตัวอยู่ในกองทัพภาคที่ 2 และมีการตรวจพบหลักฐาน เช่น ตลับเมตร กระดาษจดรหัสลับ ว่า ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องนี้ เพิ่งทราบข่าวจากที่มีสื่อมารายงาน รอให้เจ้าหน้าที่ทำงานให้เสร็จเรียบร้อย เมื่อได้ผลสรุปอย่างไรก็จะมาชี้แจงให้ทราบ ผู้สื่อข่าวถามว่า ส่วนตัวมองว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน นายสุเทพกล่าวว่า เวลาคนมีปัญหากันของชายแดนระหว่างประเทศ ก็คงมีความพยายามที่จะหาข่าวกัน ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่เราต้องดำเนินการตามขั้นตอนตามกฎหมาย และทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้เราเสียเปรียบในการดำเนินการทางทหาร
ระวังอย่าโยงแรงงานกัมพูชา
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้มีข่าวว่ามีสายลับกัมพูชา แฝงตัวเข้ามาเป็นแรงงานในประเทศไทย รองนายกฯกล่าวว่า ต้องระวังในการพูดเรื่องนี้ คิดว่าอาจจะมีคนมาเป็นสายลับมาสืบมาหาข่าวหาข้อมูลเพื่อเป็นประโยชน์ในด้านการทหารของเขา แต่ต้องแยกออกจากผู้ที่เข้ามาใช้แรงงานโดยสุจริต เพราะหากไปพูดหรือทำข่าวเรื่องนี้ออกไป ก็จะทำให้ผู้ใช้แรงงานโดยสุจริตถูกระแวง ถูกตั้งข้อรังเกียจได้ เมื่อถามว่า ทราบหรือไม่ว่ามีแรงงานกัมพูชาเข้ามาทำงานในประเทศไทยเท่าไหร่ รองนายกฯกล่าวว่า ไม่สามารถระบุตัวเลขได้ รู้แต่ว่ามีแรงงานประเทศเพื่อนบ้านรอบๆ เข้ามาทำงานในประเทศไทยจำนวนหลายแสนคน
เขมรเสริมทหารกวักมือเรียกยูเอ็น
เมื่อถามถึงการเสริมกำลังของกัมพูชาในฝั่งปอยเปต เป็นการปกป้องผลประโยชน์ของเขาหรืออะไรกันแน่ นายสุเทพตอบว่า เป็นความพยายามของกัมพูชาที่จะเรียกร้องให้สหประชาชาติมาสนใจบริเวณพื้นที่ชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา เรียกร้องที่จะให้มีกองกำลังรักษาสันติภาพมา ประจำอยู่ในพื้นที่ตลอดแนวชายแดน ตนคิดว่าเป็นเหตุผลที่ทำให้กัมพูชาจะต้องปรับเรื่องการทหาร ย้ายกำลังจากตรงนั้นไปตรงนี้ เพื่อให้ดูสมจริงสมจังว่าเป็นเรื่องของการต่อสู้ แต่สำหรับเราถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของการกระทบ กระทั่งกันเล็กน้อย เป็นเรื่องที่เกิดขึ้น ณ จุดใดจุดหนึ่งในระยะทางที่เป็นชายแดนทั้งหมด 2-3 พันกิโลเมตร เมื่อถามว่า การที่สมเด็จฮุน เซน นายกฯกัมพูชา จะมาเปิด ถนนที่ จ.บันเตียเมียนเจย ซึ่ง พล.ท.ฮุน มาเนต รอง ผบ.ทบ. ลูกชายสมเด็จฮุน เซน จะนำทหารมาอารักขาอย่างเต็มกำลัง ในส่วนของไทยจะต้องมีการเสริมกำลังในบริเวณนั้นด้วยหรือไม่ นายสุเทพตอบว่า เป็นเรื่องปกติของเขา ที่เวลาเดินทางไปไหนมาไหน เขาก็ต้องวางกำลังอยู่แล้ว เพราะเป็นผู้นำที่อยู่ในตำแหน่งนาน ก็มีทั้งคนชอบและไม่ชอบ เขาก็ระมัดระวังตัว
ติงยูเอ็นเอสซีต้องมีมาตรฐาน
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นห่วงประเทศมหาอำนาจ ที่ขณะนี้มีทิศทางที่ค่อนข้างจะส่งสัญญาณชัดเจนว่าสนับสนุนกัมพูชาหรือไม่ นายสุเทพตอบว่า คิดว่าคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอสซี ต้องมีมาตรฐานในการตัดสินหรือวินิจฉัย กรณีที่เกิดปัญหาชายแดนไม่ได้มีเฉพาะไทยกับกัมพูชา แต่มีอยู่ตลอดเวลาในหลายประเทศ แต่เขาก็ไม่ได้เข้าไปแทรกแซง ดังนั้นการปฏิบัติต่อกรณีนี้ก็ต้องใช้มาตรฐานเดียวกัน
หนุนหมายเรียกแกนนำ พธม.
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตช.) ออกหมายเรียกแกนนำพันธมิตรฯในข้อหาปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 15 ก.พ.แล้ว จะมีการดำเนินการอย่างไรต่อ นายสุเทพกล่าวว่า ตำรวจก็จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ทำทุกอย่างให้ชอบธรรมและถูกต้องในหลักการปฏิบัติตามกฎหมาย ตนเห็นใจ ตร.และ ผบ.ตร. ซึ่งเป็น ผอ.ศอ.รส. ที่เวลาไปใช้มาตรการพูดคุย เจรจากับผู้ชุมนุมก็ไม่ค่อยจะได้รับความร่วมมือ แต่จะไปโกรธเคืองเขาไม่ได้ ต้องใช้มาตรการตามที่กฎหมายอนุญาตเอาไว้ ซึ่งทำถูกต้องแล้วที่ขั้นต้นได้ออกหมายเรียกไป แล้ว แจ้งข้อกล่าวหา ถ้ายังขัดขืนไม่ปฏิบัติตามก็ออกหมายจับ จับกุมดำเนินคดีอะไรก็ว่าไป
เชียร์ตำรวจทีมนี้ทำงานดีที่สุด
เมื่อถามว่า หากออกหมายเรียกแล้วไม่มา จนออกหมายจับแล้วก็ยังไม่มาอีกในสัปดาห์นี้จะต้องดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วใช่หรือไม่ นายสุเทพตอบว่า ผบ.ตร.ยืนยันว่าจะดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง ส่วนที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ ท้าให้จับกุมนั้น ท่านก็ไม่ค่อยฟังและไม่ค่อยยอมอยู่แล้ว เจ้าหน้าที่ก็ต้อง อดทน เมื่อถามว่า ในเมื่อ ผบ.ตร.ไม่สามารถทำได้ ทำไมไม่เปลี่ยนเอาคนที่ทำได้เข้ามารับผิดชอบ นายสุเทพกล่าว ว่า ขณะนี้ยังทำได้อยู่ และดีที่สุดเท่าที่มีอยู่ในทีมนี้ ค่อยๆดูไปก่อน ยังมีวันที่ 15-16 ก.พ. ที่ยังต้องรอดูอีก เมื่อถามว่า หมายความว่าวันที่ 15-16 ก.พ. จะมีการดำเนินการขั้นเด็ดขาดหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า เมื่อออกหมายเรียกมารายงานตัวแล้ว ยังไม่ปฏิบัติตามก็ต้องจับกุมดำเนิน คดีต่อไป ทุกอย่างชัดเจนไม่ได้มีอะไรที่ปิดบังอำพรางอะไร ฝ่ายแกนนำผู้ชุมนุมก็ควรจะได้ทราบขั้นตอนนี้ แต่ตนจะไม่ไปกดดัน เจ้าหน้าที่มีแนวทางอยู่แล้ว
ลั่นต้องทำบ้านเมืองสงบให้ได้
เมื่อถามว่า การเจรจาระดับเจ้าหน้าที่ทางแกนนำพันธมิตรฯก็ไม่ฟัง ทางแกนนำรัฐบาลจะต้องไปเจรจาเองหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ให้เจ้าหน้าที่ทำหน้าที่ของเขาเองดีกว่า เมื่อถามว่า เหมือนกับแกนนำพันธมิตรฯต้องการยั่วให้เจ้าหน้าที่ต้องเข้าไปใช้กำลัง นายสุเทพตอบว่า คงไม่ไปวิจารณ์อย่างนั้น แต่ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และไม่กดดัน ปล่อยให้ทำงานให้ตรงไปตรงมาและเข้มแข็ง เมื่อถามว่าเมื่อบรรยากาศเป็นอย่างนี้คงไม่มีโอกาสที่จะ ไปสู่การเลือกตั้งแบบที่รัฐบาลประกาศมาก่อนหน้านี้ก็คงไม่มีแล้ว เพราะยังคงมีทั้งศึกในศึกนอกประเทศ นายสุเทพกล่าวว่า มันคงสงบลงได้ ต้องทำให้สงบเรียบร้อยให้ได้
นายกฯพร้อมให้สื่อเปิดเวทีเจรจา
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทยเสนอตัวเป็นตัวกลางเปิดเวทีให้รัฐบาลเจรจากับกลุ่มพันธมิตรประชาชนฯในการแก้ปัญหาการชุมนุมว่า รัฐบาลพร้อมพูดคุย นายกฯไม่มีเงื่อนไขอะไร หากจะมีองค์กรที่ทั้งสองฝ่ายรับได้มาช่วยก็ไม่มีปัญหา ขณะนี้มีความจำเป็นมากที่รัฐบาลกับกลุ่มพันธมิตรฯต้องทำงานร่วมกัน เพราะความพยายามของกัมพูชาในการยกระดับปัญหาสู่สากลให้ไทยออกจากพื้นที่ปราสาทพระวิหาร และสร้างภาพลักษณ์ว่าไทยก้าวร้าวรุนแรง จึงจำเป็นต้องผนึกกำลังกันเพื่อช่วยให้จุดยืนของไทยในเวทีนานาชาติดีขึ้น ทั้งนี้สาเหตุที่กัมพูชาต้องการให้นานาชาติเข้ามาแทรกแซง เนื่องจากคุ้นเคยกับการที่นานาชาติเคยเข้ามาแก้ปัญหาสงครามกลาง เมืองภายในประเทศกัมพูชา แต่ไม่คุ้นเคยกับหลักอธิปไตยและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ต้องยึดหลักแก้ปัญหาด้วยตัวเองก่อน เพราะอยู่กับสงครามกลางเมืองมานาน โดยไม่มองว่าการดึงนานาชาติเข้ามาจะมีผลเสียอย่างไร มองถึงผลประโยชน์อย่างเดียว
งัดหลักฐานเขมรสารภาพยิงไทยก่อน
นายปณิธานกล่าวว่า ขณะนี้นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ พร้อมแล้วที่จะชี้แจงต่อสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ทั้ง 15 ประเทศ ถึงกรณีปัญหาข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ในเวลา 22.00 น. วันที่ 14 ก.พ. ตามเวลาในประเทศไทย จากนั้นเวลา 06.00 น. วันที่ 15 ก.พ. นายกษิตจะโฟนอินชี้แจงผลการประชุมผ่านทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 และช่อง 11 และในเวลา 10.00 น. จะชี้แจงผลการประชุมมายังกระทรวงการต่างประเทศ โดยสิ่งที่จะไปชี้แจงต่อยูเอ็นเอสซีคือ 1.ไทยดำเนินการตามพันธกรณีกับกัมพูชาในฐานะเพื่อนบ้านที่ดีอย่างสันติวิธี 2.ไทยมีหลักฐานทางทหารชัดเจน และคำสัมภาษณ์ของผู้สื่อข่าวต่างประเทศที่ไปสัมภาษณ์ทหารกัมพูชา ซึ่งยอมรับว่าเป็นฝ่ายโจมตีไทยก่อน เนื่องจากเห็นรถแทรกเตอร์เข้ามา จึงเป็นฝ่ายเริ่มยิงก่อน 3.กัมพูชาโจมตีพื้นที่พลเรือนไทย 4.กัมพูชาใช้พื้นที่ปราสาทพระวิหารเป็นพื้นที่ทางทหาร
เชื่อยูเอ็นให้ไทย-กัมพูชาคุยกันเอง
นายปณิธานกล่าวว่า ไทยจะพยายามแสดงให้ยูเอ็นเอสซีเห็นว่าการกระทำของกัมพูชามีการเตรียมการมาก่อน โดยการพยายามใช้กำลังโจมตีประเทศไทย เพื่อยกระดับปัญหาไปสู่สากล เชื่อว่า ในที่สุดแล้วถ้อยแถลงของยูเอ็นเอสซีจะเห็นด้วยกับไทยคือให้ไทย-กัมพูชาเจรจาแก้ปัญหากันเองก่อน และคงเป็นไปได้ยากที่นานาชาติจะส่งกองกำลังรักษาสันติภาพเข้ามาในพื้นที่เพื่อแก้ปัญหาข้อพิพาทไทย-กัมพูชา นอกจากนี้ ไทยจะรายงานยูเอ็นเอสซีถึงกรณีที่ทหารกัมพูชายิงปืนใหญ่ยั่วยุไทย เมื่อคืนวันที่ 13 ก.พ.ด้วย เพราะเป็นเหตุการณ์ที่มีแนวโน้มไม่ดี ซึ่งไทยพยายามอดกลั้นไม่ให้เกิดการปะทะกันอีก มั่นใจว่าสหประชาชาติรับทราบข้อมูลดีอยู่แล้ว และมีข้อมูลของตัวเองอยู่ ขณะนี้สื่อต่างประเทศเริ่มรายงานว่า กัมพูชาเป็นฝ่ายเคลื่อนกำลังพลก่อน
นายกฯลงพื้นที่เมื่อปลอดภัย
นายปณิธานกล่าวว่า ส่วนกรณีองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ยืนยันจะส่งทูตพิเศษเข้ามาดูพื้นที่ปราสาทพระวิหารนั้น ยังไม่มีการแจ้งให้ทางการไทยทราบอย่างเป็นทางการ แต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี งดหรือระงับการลงพื้นที่ไปก่อน หากทางยูเนสโกยืนยันจะส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาผ่านทางฝั่งกัมพูชา คงต้องคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัย และผลกระทบที่จะตามมา ส่วนการลงพื้นที่ของนายกฯที่ จ.ศรีสะเกษ นั้น ต้องรอให้สถานการณ์มีความปลอดภัยก่อน รวมถึงบรรยากาศทางการเมืองระหว่างประเทศด้วย คาดว่านายกฯจะลงพื้นที่ได้เร็วๆนี้
ปชป.ปัดเหยียบศพ พธม.ขึ้นใหญ่
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายสำราญ รอดเพชร โฆษกพรรคการเมืองใหม่ ระบุพาดพิงพรรคประชาธิปัตย์ว่า เหยียบศพกลุ่มพันธมิตรฯขึ้นมามีอำนาจ และถามว่าทำไมตนถึงมีอคติต่อการเมืองข้างถนนว่า ขอยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้เหยียบศพใคร โดยเฉพาะกลุ่มพันธมิตรฯ แม้แต่รอยเลือดในวันที่ 7 ต.ค. พรรคก็แสดงให้เห็นชัดมาแล้วที่ไม่เข้าร่วมประชุมสภา "หากการเมืองภาคประชาชนแสดงออกภายใต้กรอบของกฎหมายก็สามารถยอมรับได้ แต่หากมีพรรคการเมืองเข้าไปแอบแฝงกับกลุ่มการเมืองภาคประชาชน เช่น พรรคเพื่อไทย ก็ไม่มีใครยอมรับได้
ที่ผ่านมากลุ่มพันธมิตรฯเคยเป็นการเมืองภาคประชาชน แต่เมื่อแกนนำมาตั้งพรรค ก็ควรต้องสู้ผ่านเวทีเลือกตั้ง เพราะปัจจุบันนี้แยกไม่ออกระหว่างกลุ่มการเมืองภาคประชาชนกับกลุ่มพันธมิตรฯ หากอยากเป็นนักการเมืองก็ควรพิสูจน์บนเวทีเลือกตั้ง และโฆษกการเมืองใหม่ประกาศว่าจะลงเลือกตั้ง พรรคก็ยินดีและอยากให้การเมืองใหม่แยกออกจากกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ควรร่วมมือใช้เวทีเดียวกัน"
บัวแก้วเผยขั้นตอนชี้แจงยูเอ็นเอสซี
เมื่อเวลา 13.00 น. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์จากนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ถึงรูปแบบการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอสซี ที่นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ จะเข้าชี้แจงในวันที่ 14 ก.พ. เวลา 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตรงกับไทยในเวลา 22.00 น. ว่า การประชุมดังกล่าวเป็นรูปแบบปิด มีเพียงประเทศสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และประเทศคู่กรณีที่เกี่ยวข้อง โดยผู้กล่าวนำถึงที่มาที่ไปของการประชุมจะเป็นเจ้าหน้าที่จากสำนักงานยูเอ็น จากนั้นเป็นการกล่าวของนายฮอร์ นัมฮง รองนายกฯและ รมต.ต่างประเทศกัมพูชา ตามด้วยนายกษิต ปิดท้ายด้วยนายมาตี้ นาตาเลกาวา รมต.ต่างประเทศอินโดนีเซีย ในฐานะประเทศประธานอาเซียน คาดว่าแต่ละคนจะใช้เวลาพูดประมาณ 15-30 นาที
"กษิต"เตรียมแถลงผลข้ามทวีป
นายธานีกล่าวว่า ส่วนผลการประชุมจะออกมาได้หลายรูปแบบ ทั้งเป็นข้อมติ แถลงการณ์ของประธาน คำให้สัมภาษณ์ของประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ซึ่งขณะนี้เป็นประเทศบราซิล อย่างไรก็ตามเมื่อประชุมแล้วเสร็จคาดว่าผู้ที่เกี่ยวข้องจะให้สัมภาษณ์ หน้าห้องประชุม ขณะเดียวกันมีรายงานว่านายกษิตมีกำหนดการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการภายหลังการประชุมเวลา 15.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับวันที่ 15 ก.พ. เวลา 03.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งสามารถติดตามการสัมภาษณ์และการแถลงข่าวได้ที่ www.un.org/webcast นอกจากนี้ นายกษิตจะให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์มายังสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยในเวลา 06.30 น. วันที่ 15 ก.พ. เวลาประเทศไทยด้วย ส่วนการหารือทวิภาคีระหว่างนายกษิตและนายฮอร์ นัมฮง ขณะนี้ยังไม่มีกำหนดการที่แน่นอน แต่จะเจอกันก่อนประชุมระยะเวลาหนึ่งก่อน
"อัษฎา" ย้ำท่าทีต่อยูเนสโกแล้ว
เมื่อถามว่าการเดินทางไปชี้แจงกับองค์การศึกษา วิทยาศาตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก ของนายอัษฎา ชัยนาม ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (เจบีซี) ไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย นายธานีตอบว่า นายอัษฎาได้พบกับผู้ช่วยผู้อำนวยการยูเนสโก ได้ชี้แจงถึงประเด็นปัญหาการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกที่ยังไม่มีความชัดเจนระหว่าง 2 ประเทศ โดยขอให้ชะลอการทำแผนบริหารจัดการก่อน เพราะทำให้เกิดปัญหาความตึงเครียด ซึ่งหลังการชี้แจงกับยูเนสโกได้รับทราบข้อมูล ขณะเดียวกันยูเนสโกเพิ่งเปลี่ยนทีมบริหารที่ดูเรื่องนี้ เมื่อถามอีกถึงกรณีที่ยูเนสโกเตรียมส่งทูตพิเศษมาสำรวจพื้นที่ปราสาทพระวิหารบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นายธานีตอบว่า เป็นข้อเสนอของ ยูเนสโก จะมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงเข้ามาดูแล หากประสานมาขอพบปะ ฝ่ายไทยต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมว่าไทยสะดวกจะพบหรือไม่
เรียกร้องยูเอ็นเอสซีช่วยตกลงหยุดยิง
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ก่อนที่นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศของไทย และนายฮอร์ นัม ฮง รมว.ต่างประเทศกัมพูชา จะเข้าชี้แจงต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ในนครนิวยอร์ก เมื่อ 14 ก.พ. นายคอย ควง โฆษกของนายฮอร์ นัม ฮง แถลงที่กรุงพนมเปญว่า ในการชี้แจงครั้งนี้ นายฮอร์ นัม ฮง จะหยิบยกเรื่องสงครามที่ไทยเป็นผู้รุกรานกัมพูชาขึ้นมาพูดด้วย นอกจากนี้จะเรียกร้องให้ยูเอ็นเอสซีช่วยทำให้ไทยและกัมพูชาตกลงหยุดยิงเป็นการถาวรด้วย
ฉีดยากันยุงในพื้นที่ชุมนุม
ทางด้านบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ยังคงปักหลักอยู่ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ เช่นเดียวกัน กลุ่มเครือข่ายประชาชนไทยหัวใจรักชาติ ที่ยังคงปักหลักชุมนุมกันอย่างเหนียวแน่น นอกจากนี้ เนื่องจากหลายวันที่ผ่านมาได้มีฝนตกลงมา ทำให้พื้นที่ชุมนุมมีการสะสมของแมลงและยุง ทำให้ เจ้าหน้าที่ของกองทัพธรรมได้นำเครื่องฉีดพ่นกันยุงมาฉีดพ่นตามท่อระบายน้ำรอบพื้นที่ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ และกลุ่มเครือข่ายประชาชนไทยหัวใจรักชาติ เพื่อป้องกันยุงและแมลงต่างๆ
เตรียมออกหมายเรียกแกนนำ พธม.
อีกด้าน เวลา 11.00 น. ที่ บช.น. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. และ พ.ต.อ.วีรวิทย์ จันทร์จำเริญ รอง ผบก.น.1 กล่าวถึงกรณีที่ได้รับมอบหมายจาก ศอ.รส.ให้ เตรียมออกหมายเรียกแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯในวันที่ 15 ก.พ. หลังเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมแล้วไม่ยอมเปิดเส้นทางการจราจรตามคำสั่ง ว่า บช.น.มีการเจรจากับแกนนำอยู่บ่อยครั้ง เพื่อให้เปิดพื้นที่การจราจรให้กับประชาชน เนื่องจากประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก เมื่อเจรจาไม่ได้ผล ก็ต้องบังคับใช้กฎหมาย ตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ. เป็นต้นไป จะทยอยออกหมายเรียกผู้ฝ่าฝืน พ.ร.บ.ความมั่นคงฯมารับทราบข้อกล่าวหา การออกหมายเรียกจะเริ่มจากการรวบรวมพยานหลักฐาน ถอดเทปการขึ้นปราศรัย ลำดับแรกจะเป็นบุคคลที่เห็นภาพและเสียงปรากฏชัดเจน เพราะถนนที่พันธมิตรฯชุมนุมนั้น เป็นพื้นที่ประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ส่วนกลุ่มเสื้อแดงที่ชุมนุมเมื่อวันที่ 13 ก.พ. ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถึงแม้จะอยู่ในพื้นที่ประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ แต่กลุ่ม นปช.อยู่นอกพื้นที่ประกาศห้ามชุมนุม
เผยพบอาวุธเพียบในการชุมนุม
รอง ผบช.น.ฝ่ายกฎหมายและสอบสวน กล่าวว่าการชุมนุมที่บอกว่าชอบด้วยกฎหมายจะต้องสงบปราศจากอาวุธ แต่หลังๆมีการจับกุมอาวุธมากขึ้น เช่น ระเบิดปิงปอง พบไม้เหลาแหลม ยางรถยนต์ ไม้รวก เป็นต้น ซึ่งเริ่มกลับมาอีกแล้ว ดังนั้น แกนนำผู้ชุมนุมควรเปิดทางให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้นหาอาวุธ ตนจะมอบให้ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 เป็นผู้เจรจา ช่วงเย็นวันนี้จะเสนอในที่ประชุม ศอ.รส. ให้ตำรวจเข้าตรวจค้นพื้นที่การชุมนุม สิ่งใดที่สามารถใช้เป็นอาวุธให้ส่งคืนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เช่น ไม้ไผ่เหลาแหลม การชุมนุมไม่ควรละเมิดสิทธิ์ของผู้อื่นและอยู่ในสิทธิ์ของตัวเอง และอย่าเตรียมการที่รุนแรงเด็ดขาด
จำลองฟ้องสมยศเรียก 220 ล้านบาท
ในช่วงบ่าย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เดินทางไปยังศาลแพ่ง ยื่นฟ้อง พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้ช่วย ผบ.ตร. หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีก่อการร้าย เป็นจำเลย ฐานละเมิดเรียกค่าสินไหมทดแทน 220 ล้านบาท โดยฟ้องว่า จำเลยให้ข่าวฝ่าฝืนต่อความจริง ออกหมายเรียกโจทก์ และบุคคลอื่นๆ กล่าวหาโจทก์เป็นผู้ก่อการร้าย ให้สัมภาษณ์ ข่มขู่ว่า หากไม่มาตามหมายจะออกหมายจับในข้อหาก่อการร้าย อันเป็นการตั้งข้อหาที่ร้ายแรงกว่าพฤติการณ์ แห่งคดี การให้ข่าวดังกล่าวมีการเผยแพร่ไปทั่วโลก ทำความเสียหายแก่โจทก์ด้านชื่อเสียง เกียรติยศ เพราะจำเลยรู้ดีว่าโจทก์เป็นคนมีชื่อเสียง มีคนเคารพนับถือ ต้องมาเสื่อมเสียชื่อเสียง การกระทำของจำเลยเป็นการนอกเหนืออำนาจหน้าที่ จงใจฝ่าฝืนทำให้โจทก์เสียหายหลายครั้ง ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 220 ล้านบาท และให้ลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ทุกฉบับเป็นเวลา 30 วัน ศาลรับคดีไว้พิจารณา และกำหนดนัดวันสืบพยานในวันที่ 25 เม.ย.54 เวลา 09.00 น.
"สมยศ" ยื่นลาออก หน.ชุดสอบสวนคดี พธม.
ด้าน พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวว่า ไม่รู้สึกหนักใจกับการฟ้องร้องดังกล่าว เนื่องจากมีความมั่นใจในการทำหน้าที่ว่าอยู่ในกรอบของกฎหมายไม่มากหรือน้อยไปในการปฏิบัติหน้าที่ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีดังกล่าว ไม่ได้มีการกลั่นแกล้ง ทุกอย่างทำไปตามที่กฎหมายกำหนด และไม่ได้ใช้ความรู้สึกส่วนตัวในการทำงาน หลังจากการสอบสวนคดีเสร็จสิ้น ได้ส่งสำนวนคดีให้ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. และได้ยื่นหนังสือถึง ผบ.ตร. ขอให้มีการเปลี่ยนตัวหัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีดังกล่าวก่อนหน้าที่จะถูก พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ฟ้องร้อง โดยหลังจากได้รับคำสั่งได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนคดี ได้ทุ่มเททั้งกำลังกายกำลังใจ ได้ใช้ ทุนทรัพย์ส่วนตัวไปเป็นจำนวนมาก โดยไม่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติแต่อย่างใด จนการสอบสวนเสร็จสิ้นมีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหา และเสนอสำนวนการสอบสวนให้ ผบ.ตร.พิจารณา ระหว่างที่เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีนี้ ตนถูกวิพากษ์วิจารณ์ และถูกกล่าวหาจากหลายฝ่ายว่าไม่มีความเหมาะสม อีกทั้งได้รับการกดดันจากหลายๆด้าน และส่งผลกระทบถึงครอบครัวและคนใกล้ชิดมาโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาในทุกๆด้านที่เกิดขึ้น จึงขอให้ ผบ.ตร.เปลี่ยนตัวหัวหน้าพนักงานสอบสวน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.สมยศได้ยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. เพื่อขอเปลี่ยนตัวจากการเป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯบุกรุกท่าอากาศยานดอนเมือง และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตั้งแต่ปลายเดือน ม.ค. แต่ยังไม่ได้มีคำสั่งอนุมัติจาก พล.ต.อ.วิเชียร
มั่นใจกษิตชี้แจงยูเอ็นเอสซีได้
เวลา 17.00 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษก พธม. ร่วมกันแถลงแสดงความมั่นใจว่า นายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ จะสามารถนำหลักฐานข้อเท็จจริงในเหตุการณ์ ปะทะ ระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาบริเวณชายแดน จ.ศรีสะเกษ ต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ได้ และทำให้ยูเอ็นยุติความพยายามเข้ามา แทรกแซงตามที่กัมพูชาร้องขอ เนื่องจากขณะนี้ไทยอยู่ ในสภาพได้เปรียบรัฐบาลกัมพูชา ในกรณีที่ทหารกัมพูชายิงอาวุธที่มีสารสกัดจากฟอสฟอรัสที่เป็นอันตรายเข้าใส่ ประชาชนไทย รวมทั้งมีภาพถ่ายจากสำนักข่าวต่างประเทศระบุชัดว่า ทหารกัมพูชาตั้งฐานทัพบนปราสาทพระวิหาร ซึ่งขัดต่อหลักการของยูเนสโก อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไทยก็ยังมีข้อเสียเปรียบ คือไม่พยายามฟ้องยูเอ็นเอสซีในฐานะผู้เสียหาย ที่ถูกกัมพูชารุกเขตแดน ปล่อยให้ กัมพูชากล่าวหาว่า ไทยรุกเขตแดนแต่ฝ่ายเดียว จากรายงานของหนังสือโกลบอลวิธเนส (Global Withness) ระบุว่า สมเด็จฮุน เซน และนายซกอานได้ทำธุรกิจขายทรัพยากร ของประเทศกัมพูชาทุกอย่าง ให้กับนานาชาติเพื่อหาผลประโยชน์ให้ตนเอง อันเป็นผลพวงให้นานาชาติหันมา สนับสนุนข้อเรียกร้องของกัมพูชาในเวทีระดับโลก
เย้ยสมยศลาออกเพราะกลัวติดคุก
ขณะที่นายปานเทพ กล่าวว่า กรณี พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้ช่วย ผบ.ตร. ขอลาออกจากหัวหน้าพนักงาน สอบสวน คดีกลุ่มพันธมิตรฯปิดสนามบินนั้น ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.วุฒิ พัวเวส รอง ผบ.ตร. ก็เคยลาออกจากตำแหน่งนี้มาแล้ว เพราะกลัวที่จะต้องติดคุกตลอดชีวิตที่กล่าวหา พธม.เป็นเท็จ เนื่องจาก พธม.ไม่ใช่ ผู้ก่อการร้าย เป็นผู้ก่อการดี
ด้าน พล.ต.จำลอง กล่าวว่า 20 วันที่ พธม.ชุมนุมมา แม้จะถือว่าประสบความสำเร็จ เพราะสามารถกดดัน ให้กระทรวงการต่างประเทศ รวมทั้งกองทัพรุกขึ้นมาปกป้องอธิปไตยของประเทศ แต่เราก็ยังไม่ยุติการชุมนุมเนื่องจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ไม่ได้ ดำเนินการตามข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อ มีแต่พยายามโต้วาที และเถียงข้างๆ คูๆ ยืนยันว่ารัฐบาลประกาศยุบสภา พธม. ก็จะชุมนุมต่อจนกว่าข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อ ได้รับการปฏิบัติ การชุมนุมนี้ พธม.จะแพ้ไม่ได้ เพราะถ้าแพ้หมายถึงประเทศ ไทย เสียดินแดน
"อภิสิทธิ์" ขานรับคนกลางคุย พธม.
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีที่สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย อาสาเป็นคนกลางจัดเวทีเจรจาหาทางออกกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ระหว่างรัฐบาลกับพันธมิตรฯ ว่า ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่พันธมิตรฯบอกว่าเลยขั้นตอนที่จะมาเจรจากันแล้ว นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ก็ต้องถามว่าทำไม เชื่อว่าทุกฝ่ายต้องการเห็นความสงบสุขเกิดขึ้น เมื่อข้อมูลไม่ตรงกันก็มาแลกเปลี่ยนกัน วันนี้ตนเห็นพันธมิตรฯเรียกร้องว่าต้องพยายามแก้ปัญหาในกรอบทวิภาคี ซึ่งเป็นจุดที่รัฐบาลยืนยันมาโดยตลอดอยู่แล้ว แต่ไม่ยอมมาพูดพร้อมกัน และไปหยิบปัญหาแต่ละเรื่องแต่ละมุมมา มันทำให้เกิดช่องว่างมากขึ้น เวลานี้ก็มีความพยายามเปลี่ยนรูปแบบการชุมนุมเป็นไปในลักษณะที่กล่าวหา และจะสังเกตเห็นว่าเอกสารข้อมูลหลายเรื่องที่พันธมิตรฯไปหยิบมาเป็นปัญหาที่เคยดำเนินการในอดีต ซึ่งรัฐบาลชุดปัจจุบันเข้ามาแก้ไขไปแล้ว
ไม่เอาดีเบตชี้บางเรื่องต้องคุยลับ
ต่อข้อถามว่า นายกฯจะไปเจรจากับพันธมิตรฯเอง หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ไม่มีปัญหา เมื่อถามว่า จะเป็นรูปแบบลักษณะดีเบตออกทีวีหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ตนไม่ต้องการดีเบต ตอนนี้พันธมิตรฯเขาไม่ยอมให้มีเวทีที่จะเอาข้อมูลมาแลกเปลี่ยน เมื่อถามว่า ทางพันธมิตรฯบอกว่าพร้อมแล้ว นายอภิสิทธิ์ตอบว่า เห็นเมื่อวานบอกไม่เอา วันก่อนก็ไม่เอา คือตนไม่ได้มีปัญหา ถ้าพร้อมก็พร้อม เพราะข้อมูลมันไม่ได้เปลี่ยนไปไหน เราเอาข้อเท็จจริงมาพูดกัน และพูดด้วยความรับผิดชอบ เข้าใจว่าข้อมูลบางเรื่องเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน การทำงานด้านนี้ไม่ใช่ทุกเรื่องที่พึงจะเสนอออกมาทางสาธารณะ อาจจะมีผลกระทบต่อการทำงานของรัฐบาลไทยหรือต่อเวทีระหว่างประเทศ อันนี้ต้องเข้าใจ เมื่อถามว่า ถ้าปัญหาภายในของเราหาข้อยุติไม่ได้โดยเฉพาะเรื่องม็อบพันธมิตรฯ จะมีปัญหาในการไปเจรจาทวิภาคีหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ไม่มีหรอก จุดยืนในการดำเนินนโยบายต่างประเทศของรัฐบาลชัดเจน คิดว่าตรงนี้พันธมิตรฯต้องมีความเข้าใจด้วย
จี้ พธม.เปิดใจกว้างลดทิฐิ
"อยากให้พันธมิตรฯได้ฟัง และเปิดใจกว้างลดทิฐิ เพราะเริ่มต้นจากข้อเรียกร้องที่ขณะนี้ยิ่งทำยิ่งเป็นปัญหากับรัฐบาลไทยกับประเทศไทย ตอนนี้ให้ไปถอนตัวจากมรดกโลกก็เรียบร้อย ทางกัมพูชาเลยชัดเจน ลดทิฐิลงหน่อย ผมเข้าใจความห่วงใยก็มาคุยกัน และวันข้างหน้าสถานการณ์เป็นอย่างไร อาจจะมีการปรับกลยุทธ์อะไรกัน แต่ละฝ่ายมาคุยกันได้" นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อข้อถามว่า บรรยากาศดูแรงขึ้นทุกทีจะดึงกลับมาได้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ได้ เพราะถ้าไม่กลับมา ก็มีแต่จะแรงขึ้น ยกเว้นจะลากประเทศที่ 3 ประเทศที่ 4 เข้ามาซึ่งไม่ได้เป็นหลักประกันอะไรเลยว่าปัญหาจะลดลง
ขณะนี้อินโดนีเซียกับอาเซียนในภาพรวมสนับสนุนอยู่แล้วว่าเรื่องแบบนี้ต้องแก้ไขในระดับทวิภาคี ในช่วงสัปดาห์กว่าๆที่ผ่านมา กัมพูชาหวังผลที่จะลากไปสู่เวทีอื่น แต่หากเราสามารถชี้แจงข้อเท็จจริงได้ ยืนอยู่ในจุดที่อาเซียนแสดงออกแล้ว ตนคิดว่ากัมพูชาเขาต้องยอมรับ เพราะถ้าเวทีอื่นสนับสนุนให้กลับมาคุยกัน 2 ฝ่าย เขาก็ต้องมาคุยกัน 2 ฝ่าย
ผบ.ทบ.เชื่อสถานการณ์สงบแล้ว
วันเดียวกัน ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาว่าน่าจะสงบ ขณะนี้ชาวบ้านกลับบ้าน และทหารในพื้นที่วางกำลังไว้ มั่นใจว่าสามารถต้านทานได้ ประเด็นสำคัญคือ ถ้ามีการใช้อาวุธระยะไกลมา เราจะป้องกันลำบาก แต่คิดว่าการชี้แจงกับทางยูเอ็นน่าจะเข้าใจว่าต้องมาพูดคุยกันแบบทวิภาคีกันอย่างไร ขอให้รอฟังว่าชาติอื่นเขาจะว่าอย่างไร ยืนยันว่าทุกครั้งตนไม่เคยเป็นคนเริ่มก่อน ถ้ากัมพูชาไม่ล่วงละเมิดก่อน ตนก็ยิงไม่ได้ ถ้าเขายิงมาตรงไหน เราก็ต้องยิงไปตรงนั้น ไม่ได้ยิงเข้าหาคน เราต้องทำอย่างไรไม่ให้เหตุเกิดในวันข้างหน้า สงสารชาวบ้านที่วิ่งหนีกระจัดกระจาย
ทหารหยุดพูดมอบรัฐบาลเจรจา
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยอมรับว่าห่วงที่ต่างชาติจะเข้ามาแทรกแซงปัญหา เราพยายามเจรจาแบบทวิภาคี ให้คนอื่นมายุ่งน้อยที่สุด ถ้าปัญหาทุกเรื่องเราแก้กันเองก็จบ เพราะรบกันเองไม่ได้ แต่เมื่อใดก็ตามที่มีคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องก็จะวุ่นวาย เมื่อถามถึงความสัมพันธ์ระดับผู้นำทางทหารทั้งสองฝ่าย พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ความสัมพันธ์ทางกองทัพยังดีทุกคน ทุกระดับดีหมด แต่ตอนนี้ เมื่อมีปัญหากันอยู่ก็ยังไม่พูดคุยกัน แต่ในระดับล่างให้ คุยกัน ส่วนในระดับบนขอให้รัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศดำเนินการดีกว่า ขณะนี้เราช่วยเหลือเรื่องการสร้างบ้าน ซ่อมบ้าน ดูแลหลุมหลบภัย เมื่อถามถึงกรณีที่กองทัพภาคที่ 2 สามารถจับกุมสายลับกัมพูชาที่เข้ามาหาข่าวในพื้นที่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ไม่รู้ แต่เมื่อมีผู้ต้องสงสัยก็จะต้องดูกันไป ใครมาเดินเกะกะก็จะต้องตรวจสอบ
ทร.สั่งเรือรบลาดตระเวน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกองบัญชาการกองทัพเรือ ว่า พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผบ.ทร. ได้สั่งการให้กองทัพเรือภาคที่ 1 นำเรือฟริเกต หรือเรือพิฆาต (เรือรบติดจรวดปล่อยนำวิถี) ให้ปรับแผนการปฏิบัติงานตามปกติ โดยให้นำเรือฟริเกตออกไปปฏิบัติงานเพื่อลาดตระเวนในพื้นที่เกาะช้าง-เกาะกูด จ.ตราด ในภารกิจการป้องกันหากเกิดเหตุการณ์ปะทะบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา และเป็นการวางมาตรการเฝ้าระวังพื้นที่น่านน้ำของไทย หรือในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล การรักษาความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนคนไทย รวมถึงป้องกันการแทรกซึมการเข้ามาหาข่าวของกัมพูชา ที่สำคัญหากเกิดเหตุปะทะขึ้น เรือฟริเกตจะสามารถสนับสนุนทหารนาวิกโยธินในพื้นที่ทางบก หรือยิงปืนใหญ่สนับสนุนบริเวณชายฝั่งได้ทันที อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เรือฟริเกตเข้าปฏิบัติงานในพื้นที่เกาะช้าง-เกาะกูด จ.ตราด แล้ว ภายหลังก่อนหน้านี้กองทัพเรือได้ระดมเรือตรวจการณ์ปืนเข้าไปปฏิบัติงานบริเวณดังกล่าวเช่นเดียวกัน
ส.ว.ห่วงท่าที "กษิต" เพิ่มปัญหา
วันเดียวกัน ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมการเพื่อติดตามสถานการณ์บ้านเมือง วุฒิสภา โดยนายจิตติพจน์ วิริยะโรจน์ ส.ว.ศรีสะเกษ เป็นประธาน หารือถึงสถานการณ์ ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งกรรมการส่วนใหญ่เป็นห่วงท่าทีทางการทูตของไทย เนื่องจากที่ผ่านมา นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ได้กล่าวพาดพิงประเทศสมาชิกในสหประชาชาติหลายชาติ โดยนายคำนูญ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กรรมการฯ กล่าวว่า นายกษิตไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ เพราะไม่สามารถควบคุมการแสดงออกในที่สาธารณะได้ เช่นเดียวกับ พล.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดี ส.ว.สรรหา กรรมการฯ ที่เสนอให้รัฐบาลชุดนายอภิสิทธิ์ลาออกไปด้วย เพื่อแสดงความรับผิดชอบกับการดำเนินนโยบายต่างประเทศที่ทำให้ไทยเสียเปรียบกัมพูชา ขณะที่นายสุโข วุฑฒิโชติ ส.ว.สมุทรปราการ กรรมการฯ กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยที่จะตำหนินายกษิตเพียงคนเดียว ไทยควรแก้ปัญหาภายในประเทศให้ได้เสียก่อนที่จะไปแก้ปัญหาระหว่างประเทศ
เสียงปืนสงบเรียก นร.กลับมาเรียน
ส่วนความเคลื่อนไหว ที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเสียงปืนจากการปะทะกันสงบลงแล้ว และเมื่อเวลา 07.00 น. วันเดียวกัน นายบุญรวม พงษาปาน ผอ.โรงเรียนบ้านภูมิซรอล อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้ประกาศเสียงตามสายให้นักเรียนมาเรียนตามปกติ แต่ผู้ปกครองอาจยังไม่มั่นใจในสถานการณ์ ทำให้มีนักเรียนมาเรียนแค่ 100 คน จากนักเรียนทั้งหมด 380 คน นายวรรณะ บุญสุข ผอ.สพป.ศรีสะเกษ เขต 4 และนายสกล เขมพรรค ที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ นำสมุดดินสอที่ได้รับการบริจาคมามอบให้นักเรียนเป็นขวัญกำลังใจ ขณะที่ตามโรงเรียนแนวชายแดน อาทิ โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 27 โรงเรียนบ้านโดน-เอาว์ มีนักเรียนมาเรียนประมาณร้อยละ 25 เท่านั้น
องอาจเยี่ยมชาวบ้านภูมิซรอล
ต่อมาเวลา 09.10 น. นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะเดินทางมาเยี่ยมชาวบ้านภูมิซรอล หมู่ 12 ต.เสาธงชัย พร้อมนำสิ่งของมอบให้กับราษฎรที่บ้านได้รับความเสียหายจากลูกปืนใหญ่ จากนั้นได้ไปเยี่ยมนักเรียนที่โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา ซึ่งอาคารถาวรและอาคารชั่วคราวถูกกระสุนปืนใหญ่เสียหาย โดยนายประมูล แสวงผล ผอ.โรงเรียน กล่าวว่า วันนี้เปิดเรียนวันแรก มีนักเรียนมาเรียน 69 คน จาก 567 คน สาเหตุเป็นเพราะยังไม่มั่นใจในสถานการณ์ และบางส่วนยังอยู่กับญาติที่ต่างอำเภอ โรงเรียนได้สร้างห้องเรียนชั่วคราวใต้ถุนอาคาร จำนวน 2 ห้อง กางเต็นท์อีก 2 หลัง ส่วนครู บุคลากรมีความพร้อม จึงแจ้งให้นักเรียนมาเรียนเพราะเกรงจะเรียนไม่ทัน
ชง ครม.ช่วยเหลือผู้เดือดร้อนเหตุปะทะ
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายก กล่าวว่า ได้มาตรวจเยี่ยมและประมวลความเสียหายทั้งส่วนของราษฎรและโรงเรียน เพื่อจะได้นำเสนอคณะรัฐมนตรี ให้ปรับปรุงในส่วนที่ชำรุด และเพิ่มเติมในส่วนที่ยังขาด ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดสามารถใช้งบฉุกเฉินช่วยเหลือได้โดยไม่ต้องรออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี และมั่นใจว่าการเจรจาทวิภาคีน่าจะตกลงกันได้ โดยเฉพาะชาติอาเซียนเองก็ไม่อยากให้กลุ่มประเทศเดียวกันต้องสู้รบกัน โดยในช่วงบ่าย นายองอาจได้เชิญผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้เกี่ยวข้อง ประชุมสรุปแนวทางการแก้ปัญหาต่อไป สำหรับการปะทะกันระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ทำให้บ้านเสียหายทั้งหลังจำนวน 7 หลัง ต้องสร้างใหม่ ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 5 แสนบาท ส่วนบ้านที่เสียหายบางส่วนมีอีกกว่า 40 หลัง ได้จ่ายเงินสดช่วยเหลือหลังละ 5,000 บาท ส่วนความเสียหายทางการเกษตร เช่น สวนยางพาราที่เสียหายเป็นแสนไร่ เบื้องต้นได้ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เข้าไปสำรวจรายละเอียดแล้ว แต่ต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง นอกจากนี้ ชาวบ้านได้เรียกร้องให้เพิ่มหลุมหลบภัยและบังเกอร์ด้วย ซึ่งในวันที่ 15 ก.พ.จะรายงานต่อที่ประชุม ครม.เพื่อพิจารณางบประมาณในการช่วยเหลือเพิ่มเติม

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น