วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
ข่าววันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2554
ยิงจรวด-ปาระเบิดใส่ แต่ถูกตอบโต้จนถอย 'นัมฮง'ตวัดลิ้นกัดอีก
"ฮอร์ นัมฮง" ลิ้นลื่นได้อีก หันไปอ้อนอาเซียน ร้องขอให้ส่งคณะผู้สังเกตการณ์ เข้าพื้นที่ปราสาทพระวิหาร จับตาดูการหยุดยิง หลังซัดไทยเมินคำสั่งยูเอ็นเอสซี กองทัพบก แฉเขมรเหิมยิงลูกระเบิดใส่ไทยไม่หยุด หวังเจาะรั้วลวดหนามบุกชายแดนไทย ลั่นไทยไม่เคยยิงก่อน ชี้ผู้นำทหาร 2 ฝ่ายคุยเข้าใจ หยุดยิง แต่ทหารระดับล่างไม่ฟัง ด้าน ผบ.ทหารสูงสุดติงเขมรเพื่อนบ้านที่ดีต้องหยุดยิง ยันไทยจำเป็นต้องโต้ตอบด้วยความปวดร้าว ลั่นทหารไทยมีวินัย
ภายหลังที่ฝ่ายเขมรเปิดฉากยิงถล่มใส่ทหารไทย จนเกิดการปะทะกันอีกระลอก เมื่อเช้ามืดวันที่ 15 ก.พ. ที่บริเวณภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เป็นเหตุให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ถูกนำตัวไปรักษาที่ รพ. สรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี ทำให้ฝ่ายทหารไทย ต้องเตรียมพร้อมเฝ้าระวังการโจมตีจากฝ่ายทหารกัมพูชาตลอดทั้งวัน แต่ก็ไม่มีเหตุการณ์ใดๆเกิดขึ้น โดยเหตุการณ์ ดังกล่าวเกิดขึ้นคล้อยหลังมติของยูเอ็นเอสซี ที่เมินคำร้องขอของกัมพูชาให้ส่งกองกำลังสันติภาพเข้ามาตรึงชายแดน ทั้งยังให้ไทย-กัมพูชาหยุดยิงถาวร แล้วเปิดการเจรจาแบบทวิภาคี หาแนวทางสู่สันติภาพแก้ปัญหาพิพาทชายแดนของทั้ง 2 ประเทศ
ทหารไทยรุกคืบโจมตีกลับทหารเขมร
ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 16 ก.พ. ถึงสถานการณ์ ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ หลังทหารเขมรเหิมเปิดศึกปะทะไทยเย้ยมติยูเอ็นเอสซี เมื่อ เช้ามืดวันที่ 15 ก.พ.ว่า หลังจากที่ทหารกัมพูชาที่ประจำการบนภูมะเขือ ซึ่งเป็นบริเวณพื้นที่ทับซ้อน ได้ขว้างระเบิดพกประจำกายมายังทหารไทยที่วางแนวอยู่ตามแนวชายแดน และทหารไทยได้ใช้ปืนประจำกายยิงตอบโต้เป็นระยะตลอดคืน พร้อมยิงปืนใหญ่สนับสนุนไปอีก 3 นัด แต่ไม่มีการยิงโต้ตอบจากฝ่ายกัมพูชา กระทั่งเวลาประมาณ 03.00 น. วันที่ 16 ก.พ. กำลังทหารไทยได้รุกคืบเข้าโจมตีอย่างหนัก จนถึงเวลา 05.00 น. จึงถอนกำลังกลับโดยกำลังทหารไทยปลอดภัย สำหรับสาเหตุทหารเขมรลอบโจมตีครั้งนี้ เนื่องจากกำลังพลในพื้นที่มีความหวาด ระแวง และช่วงกลางคืนทหารกัมพูชามักจะลาดตระเวนเข้ามาใกล้แนวเขตของทหารไทย พร้อมเปิดฉากยิงยั่วยุอยู่เสมอ
ตลาดช่องจอมคึกเขมรแห่ซื้อของ
ที่จุดผ่านแดนถาวรช่องจอม อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ อยู่ติดกับชุมชนโอร์เสม็ด ต.โอร์เสม็ด อ.สำโรง จ.อุดรมีชัยของกัมพูชา มีพ่อค้าแม่ค้าชาวเขมรเดินทางเข้ามาซื้อสินค้าที่ตลาดการค้าชายแดนฝั่งไทยตามปกติ แม้ว่าพื้นที่เขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ จะยังมีการปะทะของทหารทั้ง 2 ประเทศก็ตาม และทางกัมพูชามีคำสั่งห้ามทหารและเจ้าหน้าที่ประจำด่านพกอาวุธอย่างเด็ดขาด เพื่อไม่ให้ พ่อค้าแม่ค้าและนักท่องเที่ยว นักพนันชาวไทย หวั่นวิตกหรือหวาดกลัว อย่างไรก็ตาม กำลังทหารไทยยังวางแนวป้องกันตลอดแนวชายแดนตั้งแต่ช่องจอม ช่องกร่าง ปราสาทตาควาย ต.บักได ปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ โดยมีทหารพรานและทหารกองพล ร.6 กอง กำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ร่วมด้วย เช่นเดียวกับฝ่ายกัมพูชา ทหาร 3 กองพัน จากกองพลน้อยที่ 42 ทหารภูมิภาคที่ 4 วางกำลังรักษาพื้นที่ตลอดแนวเช่นกัน
"ฮุน เซน" ประกาศไม่มีรบที่อรัญฯ
ส่วนด่านพรมแดนอรัญประเทศ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว กลุ่มพ่อค้า แม่ค้าและกรรมกรชาวเขมรกว่า 1 หมื่นคน แห่เดินทางเข้ามาเปิดร้านค้าขายและทำงานเป็นกรรมกรรับจ้างในตลาดโรงเกลือกันอย่างคึกคัก นอกจากนี้ยังมีการสั่งสินค้าจากฝั่งปอยเปตเข้ามาขายในตลาดโรงเกลือจำนวนมาก ทำให้ทั้งหน้าด่านพรมแดนอรัญประเทศและตลาดโรง เกลือ กลับมาคึกคักเหมือนเดิม สอบถาม พ.ต.ท.เบญจพล รอดสวาสดิ์ รอง ผกก.ตม.สระแก้ว เปิดเผยว่า หลังจากที่สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เดินทางมาเป็นประธานเปิดถนนสาย 59 ห่างจากชายแดนไทยประมาณ 13 กม. โดยสมเด็จฮุน เซน ได้กล่าวปราศรัยต่อหน้าประชาชนชาวเขมรกว่า 1 หมื่นคน ว่า ชายแดนปอยเปตกับชายแดนอรัญประเทศจะไม่มีการสู้รบ จะมีแต่การค้าขายและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อประชาชนทั้งสองประเทศ และจะจำกัดวงปะทะของทหารไทยและกัมพูชาให้อยู่เพียงพื้นที่ชายแดนปราสาทพระวิหารเท่านั้น ซึ่งจากคำประกาศดังกล่าวทำให้ประชาชนชาวเขมรที่อยู่บริเวณชายแดนและพ่อค้าแม่ค้าชาวเขมรในกรุงปอยเปต ต่างสบายใจและมั่นใจว่าบริเวณชายแดน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว และกรุงปอยเปต จะไม่มีการสู้รบกัน
สั่งถอนทหารกัมพูชากลับหมด
พ.ต.ท.เบญจพลกล่าวอีกว่า ในส่วนของนักท่องเที่ยวและนักพนันชาวไทยเริ่มทยอยเดินทางออกไปฝั่งเขมรเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักท่องเที่ยวและนักพนันชาวไทย เริ่มมั่นใจในความปลอดภัยแล้ว ส่วน พ.ต.อ.สุบิน บุญเล็ก ผกก.สภ.อรัญประเทศ ได้ประสานความร่วมมือกับ ร.อ.ชาญ ว่องไวเมธี ผบ.ร้อย ทพ.1206 ฉก.กรม.ทพ.12 กกล. บูรพา นำกำลังร่วมกันออกตรวจและลาดตระเวน รักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณชายแดน และภายในตลาดโรงเกลือ เพื่อป้องกันมิจฉาชีพชาวเขมร ลักลอบเข้ามาทำลายบรรยากาศการค้าขายในตลาดโรงเกลือที่กำลังจะเข้าสู่ภาวะปกติอย่างเข้มงวด สำหรับกำลังทหารและหน่วยองครักษ์ ของฮุน เซน ได้เดินทางออกจากพื้นที่ชายแดนปอยเปตหมดแล้ว แม้แต่รถถัง 3 คัน ที่ส่งมารักษาความปลอดภัยให้กับผู้นำกัมพูชาบริเวณบ้านเขาลูกช้าง อ.โอวจโรว จ.บันเตียเมียนเจย ก็ได้ถอนกลับออกไปหมดแล้ว
ห่วงเด็กศรีสะเกษสอบโอเน็ต
นายสัมพันธ์ พันธุ์พฤกษ์ ผอ.สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากเหตุทหารไทยกับกัมพูชา ปะทะกันอย่างต่อเนื่อง ตามแนวชายแดนจังหวัดศรีสะเกษ ทั้งนี้ในวันที่ 19-20 ก.พ.นี้ จะเป็นวันสอบแบบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน หรือโอเน็ต ระดับชั้น ม.6 ซึ่งเป็นการสอบที่มีความสำคัญต่อเด็กมาก โดยจะใช้เป็นส่วนประกอบหนึ่งของการสอบคัดเลือกเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย ทาง สทศ.จึงได้ประสานกับศูนย์สอบได้แก่ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ซึ่งดูแลสนามสอบใน จ.ศรีสะเกษ อย่างใกล้ชิด โดยให้คำนึงถึงความปลอดภัยของนักเรียนอย่างสูงสุด ซึ่งมีโรงเรียนที่เป็นสนามสอบโอเน็ต ม.6 ที่อยู่ใกล้แนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จำนวน 2 โรง ได้แก่ ร.ร.บึงมะลู มีนักเรียนสอบ 287 คน และ ร.ร.กันทรลักษ์วิทยา นักเรียนสอบ 794 คน ทั้งนี้ สนามสอบทั้ง 2 โรง ยืนยันกับ สทศ.ว่าสามารถจัดสอบได้ตามปกติ แต่ในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน ทางโรงเรียนได้เตรียมแผนสำรองไว้แล้ว โดยจะนำนักเรียนออกจากห้องสอบทันทีเพื่อความปลอดภัย ซึ่ง สทศ.จะพิจารณาหาทางช่วยเหลือต่อไป
มั่นใจทหารไทยไม่ทำให้เสียเปรียบ
อีกด้านเมื่อเวลา 09.00 น. วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ยูเอ็นเอสซีมีมติให้ไทยและกัมพูชาหยุดยิง แต่กลับมีเหตุการณ์ทหารเขมร ยิงปืนเกิดขึ้นอีกว่า เห็นใจพี่น้องทหารที่รักษาการณ์อยู่ตามแนวชายแดน แต่มั่นใจว่าแม้จะมีการกระทบกระทั่งกัน เพราะอีกฝ่ายต้องการทำให้สถานการณ์ไม่จบ แต่ทหารไทยจะไม่ทำให้ประเทศเราเสียเปรียบ และขอชื่นชมผู้บังคับ บัญชาที่อยู่ที่ชายแดน ที่ได้กำชับเจ้าหน้าที่ของเราให้อยู่ในระเบียบวินัย ไม่โมโหเวลาที่ถูกยั่ว แล้วไล่ติดตามเข้าไปในเขตเขา จนกลายเป็นประเด็นปัญหาทางการเมืองระหว่างประเทศต่อไป เมื่อถามต่อว่า เรายังจะรักษาภาพลักษณ์บทนางเอกกับบทตัวโกงได้อีกนานแค่ไหน นายสุเทพกล่าวว่า อย่าไปว่าเขาเป็นตัวโกง เป็นเรื่องระหว่างประเทศที่ต้องระมัดระวัง แต่ละคนแต่ละประเทศก็ต้องทำเพื่อประเทศตัวเอง เชื่อว่าในที่สุดความมีเหตุ มีผล การที่ต้องอยู่ภายใต้สายตาของประชาคมโลก เหมือนที่ผู้ชุมนุมที่ต้องอยู่ภายใต้สายตาของประชาชนทั้งประเทศ ก็ต้องถูกกดดันด้วยประชาคมโลก
บานปลายเพราะเขมรเกลียดรัฐบาลนี้
เมื่อถามว่า การที่เหตุการณ์ไม่ยอมยุติ เพราะกัมพูชา จงเกลียดจงชังรัฐบาลนี้ด้วยหรือไม่นั้น นายสุเทพกล่าวว่า คงมีหลายเรื่อง บางเรื่องเป็นเพราะว่าความล่าช้า ในกระบวนการขั้นเจรจาต้องมีขั้นตอนการปฏิบัติ เมื่อถามว่า การที่นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ และนายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ เดินทางไปร่วมเปิดนิทรรศการการแสดงสินค้าไทย ที่กรุงพนมเปญ ในวันที่ 17 ก.พ. จะทำให้สัมพันธภาพทางการค้าช่วยลดแรงกระทบด้านชายแดนบ้างหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า คิดว่ามีส่วน ที่สำคัญใจลึกๆของสมเด็จฮุน เซน ก็หวังที่จะให้ความสัมพันธ์ของไทย-กัมพูชาดีขึ้น เพราะการค้าของระหว่างประชาชน 2 ประเทศมีความหมายต่อการดำรงชีวิตของประชาชน
เขมรเมินบริหารร่วมพระวิหาร
เมื่อถามต่อว่า แต่ภาพที่เกิดขึ้นเหมือนการเล่นละครลิง เพราะมีการยิงกันจริง คนเจ็บเจ็บจริง แต่ 2 ประเทศยังไม่มีความชัดเจน ยังมีการไปจัดงานแสดงสินค้า การทูตสมัยนี้ทำไมเป็นเช่นนี้ นายสุเทพกล่าวว่า ต้องพยายามเข้าใจเพื่อนบ้านเราด้วย จะให้คิดแบบเราทุกอย่างคงไม่ได้ ต้องเข้าใจว่าเขาคิดอะไร มีอะไรที่เราสามารถร่วมมือได้ ตอบสนองได้ ความต้องการที่จะเข้าไปบริหารพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร บนปราสาทพระวิหารนั้นก็เป็นส่วนหนึ่ง การบริหารจัดการพื้นที่ร่วมกันนั้น เราเคยเสนอไปแล้ว ฝ่ายกัมพูชายังไม่เอาด้วย เมื่อถามว่า กัมพูชาไม่คิดจะญาติดีกับไทยแล้วใช่หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ไม่ใช่ เป็นเฉพาะเรื่อง โกรธกันบ้าง เรื่องดีกันบางเรื่อง
วธ.แปลแผนบริหารปราสาทฯค้านเขมร
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รมว.วัฒนธรรม กล่าวว่า จากการประชุมคณะรัฐมนตรีที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้กรมศิลปากร ดำเนินการใน 2 เรื่องเกี่ยวกับกรณีปราสาทพระวิหาร ดังนี้ 1. ให้กรมศิลปากรนำแผนบริหารจัดการพื้นที่ปราสาทพระวิหารที่กัมพูชาส่งไปยังคณะกรรมการมรดกโลกมาแปลเป็นภาษาไทย เพื่อนำมาใช้เป็นข้อมูลในการโต้แย้งและคัดค้านการขึ้นทะเบียนปราสาทของกัมพูชาในส่วนที่เราไม่เห็นด้วย 2. ให้กรมศิลปากรเตรียมข้อมูลทั้งหมด เกี่ยวกับปราสาทพระวิหารและพื้นที่โดยรอบ รวมทั้งโบราณสถานต่างๆที่เกี่ยวเนื่องกับปราสาทพระวิหารทั้งหมด เพื่อใช้สำหรับกรณีที่คณะกรรมการมรดกโลก 21 ประเทศ จะเข้ามาตรวจสอบปราสาทพระวิหารและมีการสอบถามข้อมูล นอกจากนี้ กระทรวงฯจะทำหนังสือโต้แย้งเกี่ยวกับการที่ยูเนสโกจะส่งทูตพิเศษเข้ามาตรวจสอบความเสียหายของปราสาทพระวิหาร เพราะช่วงเวลานี้ยังไม่ควรมา เพราะสถานการณ์ยังตึงเครียด จะทำให้เกิดความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
ขออาเซียนส่งผู้แทนสำรวจพื้นที่ปะทะ
ขณะเดียวกัน สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นายฮอร์ นัม ฮง รมว.ต่างประเทศของกัมพูชา แถลงที่กรุงพนมเปญเมื่อวันพุธที่ 16 ก.พ. ว่าระหว่างการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ ของสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ใน 22 ก.พ.นี้ กัมพูชาจะร้องขอให้อาเซียนส่งคณะผู้สังเกตการณ์ มาบริเวณปราสาทพระวิหาร เพื่อให้มั่นใจว่าข้อตกลงหยุดยิงถาวรได้รับการปฏิบัติตาม และต้องรอดูว่าฝ่ายไทยจะยอมรับเรื่องนี้หรือไม่ นายฮอร์ นัม ฮง ยังกล่าวหาว่า ไทยเพิกเฉยต่อข้อเรียกร้องของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ที่ขอให้คู่กรณีอดทนอดกลั้น ดังนั้น จึงจำเป็นที่อาเซียนจะต้องเข้ามาแทรกแซง เพื่อรับประกันว่าสันติภาพจะเกิดขึ้นที่ชายแดน ใกล้ปราสาทพระวิหารหลังเกิดการยิงปะทะกันในเดือนนี้
ให้สองฝ่ายเคารพข้อหยุดยิง
รอยเตอร์รายงานด้วยว่า ความเคลื่อนไหวของกัมพูชา ที่จะร้องขอให้อาเซียนส่งคณะผู้สังเกตการณ์มายังบริเวณปราสาทพระวิหาร ดูเหมือนจะทำให้ไทยขุ่นเคือง เพราะไทยเรียกร้องให้แก้ไขกรณีพิพาทแบบทวิภาคีมาตลอด และกล่าวหาว่ากัมพูชาพยายามทำให้ความขัดแย้ง กลายเป็นเรื่องระหว่างประเทศ ด้วยการยืนยันให้สหประชาชาติเข้ามาแทรกแซง ก่อนหน้านี้เมื่อ 14 ก.พ. นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศของไทย และนายฮอร์ นัม ฮง รมว.ต่างประเทศกัมพูชา ได้เข้าชี้แจงต่อยูเอ็นเอสซีในนครนิวยอร์ก ซึ่งยูเอ็นเอสซีแสดงความวิตกกังวลอย่างสูง ในการยิงปะทะระหว่างทหารไทยและกัมพูชาเมื่อ 4-7 ก.พ. ที่ผ่านมา พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีการเจรจาในระดับทวิภาคีและระดับภูมิภาค โดยยูเอ็นเอสซีปฏิเสธข้อเรียกร้องของกัมพูชา ที่ขอให้ ยูเอ็นส่งกองกำลังรักษาสันติภาพมายังเขตพิพาท และกระตุ้นให้ทั้งสองฝ่ายเคารพข้อตกลงหยุดยิงด้วย
ติงกัมพูชาอย่าเรื่องมากรีบเจรจา
วันเดียวกัน นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการ รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์อีกครั้ง ถึงกรณีที่นายฮอร์ นัม ฮง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศกัมพูชาระบุว่า จะขอให้อาเซียนส่งผู้แทนเข้ามาสำรวจพื้นที่ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า เป็นแค่เพียงความเห็นส่วนตัวของนายนัม ฮง เพราะเมื่อครั้งที่นายมาร์ตี้ นาตาเลกาวา รมต.ต่างประเทศอินโดนีเซีย ในฐานะประธานอาเซียนเดินทางมาเยือนประเทศไทยเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ก็พูดชัดว่า อาเซียนจะช่วยสร้างบรรยากาศให้ทั้ง 2 ประเทศได้มานั่งเจรจากันเท่านั้น ไม่มีการพูดถึงเรื่องการส่งผู้แทนพิเศษเข้ามาสำรวจพื้นที่ เช่นเดียวกับข้อสรุปของยูเอ็นเอสซี ที่ระบุแค่เพียงว่า ขอให้อาเซียนสนับสนุนและสร้างบรรยากาศการเจรจาของทั้ง 2 ประเทศผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ ไม่มีส่วนใดที่พูดถึงการให้อาเซียนสร้างกลไกเพิ่มเติม หรือตั้งผู้แทนพิเศษเข้ามาช่วยแก้ปัญหาแต่อย่างใด นายชวนนท์กล่าวด้วยว่า ในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย วันที่ 22 ก.พ.นี้ จะเป็นเพียงแค่การพบปะเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล สอบถามความห่วงใยจากมิตรประเทศเท่านั้น ซึ่งไทยก็จะยืนยันต่ออาเซียนว่า กลไกทวิภาคีของทั้ง 2 ประเทศยังเดินหน้าได้อยู่ จึงไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องมีกลไกพิเศษ เพิ่มเติมในการเจรจา เพียงแต่ขอให้กัมพูชายอมกลับมาสู่โต๊ะเจรจาเท่านั้น
ทหารเขมรเหิมยิงบึมใส่ไทย
ช่วงเย็น พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ถึงการปะทะของทหารไทยกับทหารกัมพูชาที่ภูมะเขือตลอดคืนวันที่ 15 ก.พ.ว่า การปะทะเริ่มตั้งแต่ เวลา 20.00 น. โดยทหารกัมพูชาได้ขว้างระเบิดมือเข้ามาใส่ที่ตั้งของทหารไทย ต่อมาเวลา 21.00 น. ทหารกัมพูชา ได้พยายามเจาะแนวรั้วของทหารไทย เราจึงใช้ระเบิดขว้างตอบโต้ จนทหารกัมพูชาที่พยายามเจาะรั้ว เข้ามาในเขตเราถอยกลับไปและยุติการปฏิบัติการดังกล่าว ต่อมาเวลา 22.00 น. ทหารกัมพูชาได้ปฏิบัติการแทรกซึมเข้ามาในพื้นที่อีกครั้ง พร้อมขว้างระเบิดมือมายังที่ตั้งของทหารไทย ทางเราจึงขว้างระเบิดมือเพื่อเป็นการตอบโต้ตามความเหมาะสม และในเวลา 02.00 น. ทหารกัมพูชาได้ใช้ปืนกล ปืนครก (เครื่องยิงลูกระเบิดวิถีโค้ง) และยิงจรวดอาร์พีจีระดมยิงเข้ามาบริเวณที่ตั้งทหารไทยตรงภูมะเขือ จนเราต้องใช้มาตรการตอบโต้เพื่อป้องกันตัว และผลักดันให้ทหารกัมพูชาล่าถอยออกไป นอกจากนี้ ช่วงเวลา 03.50-04.00 น. ทหารกัมพูชาได้พยายามโจมตีที่ตั้งทหารไทยบริเวณ ภูมะเขืออีกครั้งก่อนถอยกลับ จนการปะทะของทหารไทย-กัมพูชายุติเวลา 05.25 น. เช้ามืดของวันที่ 16 ก.พ.
ชี้ผู้นำทหาร 2 ฝ่ายคุยเข้าใจหยุดยิง
เมื่อถามว่า ทหารระดับสูงได้มีการพูดคุยหรือไม่ ภายหลังยูเอ็นเอสซีมีมติให้ทั้งสองฝ่ายหยุดยิง พ.อ. สรรเสริญกล่าวว่า ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายมีความเข้าใจเป็นอย่างดี และมีการสั่งให้หยุดยิง ซึ่งการติดต่อสื่อสารทางฝ่ายไทยไม่มีปัญหา เพราะเราเชื่อฟังคำสั่งตามลำดับชั้น ไม่เคยฝ่าฝืนกฎ ไม่เคยยิงก่อน แต่ตนไม่ทราบว่าการติดต่อ สื่อสารทางฝ่ายกัมพูชาเป็นอย่างไร มีปัญหาอะไรหรือไม่ถึงมีการยิงกันอยู่ และไม่ทราบว่าผู้ใหญ่ฝ่ายกัมพูชารับทราบเรื่องนี้หรือไม่ว่าทหารระดับล่างกัมพูชายังมีการยิงตลอดเวลา
เผยทหารใช้อาวุธด้วยความปวดร้าว
ด้าน พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวถึงมติยูเอ็นเอสซี ที่ให้ไทยและกัมพูชายุติการยิงถาวรและให้มีการเจรจาแบบทวิภาคีว่า การเจรจาเป็นเรื่องของกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเจรจาตามกลไกทั้งการประชุมเจบีซี หรือการเจรจาในระดับทวิภาคี หรือเรื่องสนธิสัญญา กองทัพมีหน้าที่รักษาชีวิตทรัพย์สิน ไม่ให้มีอะไรมากระทบต่อประชาชน เราปฏิบัติตามกฎการใช้กำลัง ปฏิบัติตามพันธกิจที่ได้ให้ไว้กับประเทศต่างๆอย่างชัดเจน จะใช้อาวุธเมื่อเกิดความจำเป็นหรือเห็นว่ามีภัยต่อทหาร ประชาชน ชีวิต ทรัพย์สิน สำหรับเพื่อนบ้านเราจำเป็นต้องใช้อาวุธด้วยความปวดร้าว แต่เมื่อต้องทำก็ต้องทำอย่างจริงๆ ถ้าเพื่อนบ้านที่ดีคงจะต้องหยุด แต่ถ้าดำเนินการต่อแล้วมีผลกระทบต่อชีวิตประชาชน ทรัพย์สิน และหน่วยทหาร ขอเรียนว่าบนความปวดร้าว เราจะตอบโต้อย่างสมควร ขณะนี้ยังไม่จำเป็นต้องอพยพคนออกมาก่อน เพราะทุกอย่างมีขั้นตอนการเตรียมการไว้หมด ไม่ว่าจะเป็นการปกป้องอธิปไตย การวางแผนพิทักษ์ประชาชน และการพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง รวมถึงการควบคุมความเสียหายเป็นพื้นที่ ทุกอย่างเป็นขั้นตอน เป็นระบบ อย่ากังวลใจ ขอให้มั่นใจ
ใครจะเจรจากับใครกองทัพไม่เกี่ยว
เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ที่จะให้ รมว.กลาโหมไทยและกัมพูชาลงนาม เพื่อหยุดยิง พล.อ.ทรงกิตติกล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องของกองทัพ จะเชิญใครไปคุยกับใคร ตนไม่ทราบ แต่อย่าสร้างความเสียหายให้ประชาชน เรารักเพื่อนบ้าน แม้ต้องตอบโต้บนความปวดร้าวทางจิตใจ แต่เราต้องทำ ทางออกที่ดีคือ อยู่ร่วมกันและพัฒนาบ้านเมืองไปด้วยกันสู่ความเจริญรุ่งเรือง เมื่อถามว่า ท่าทีไทยดูไม่ค่อยตอบโต้กัมพูชา พล.อ.ทรงกิตติย้อนถามว่า ใครบอกว่าไม่ได้ตอบโต้ แต่จะน้อยไปหรือไม่ ตนไม่ทราบ แต่เราทำด้วยระบบ ทั้งสองฝ่ายทราบอยู่แล้วว่าควรจะทำอย่างไร แต่ทหารไทยฟังและมีวินัยในการยิง รวมถึงมีกฎการใช้กำลัง แต่ตนไม่ทราบของประเทศบ้านอื่น
ไม่เอาการเมืองมายุ่งกองทัพ
เมื่อถามถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯระบุว่า แม่ทัพภาคที่ 2 มีผลประโยชน์ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พล.อ.ทรงกิตติกล่าวว่า ตนไม่เกี่ยวข้องกับการนำประเด็นทางการเมืองมาสู่กองทัพ กองทัพทำงานตามหน้าที่ เมื่อถามว่า นิสัยที่ไม่ดีของกัมพูชา เราควรลดความสัมพันธ์ลงหรือไม่ พล.อ.ทรงกิตติกล่าวว่า พูดว่า ใครนิสัยไม่ดีไม่ได้ ต้องดูตัวเราและเพื่อนบ้านด้วย ส่วนจะลดความสัมพันธ์ หรือไม่ ไม่ใช่เรื่องของตน เราไม่ลำบากใจต่อการปฏิบัติงาน เพราะหน้าที่ของเราถูกกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการจัดระเบียบกระทรวงกลาโหม ถึงไม่สั่งก็ต้องทำ ส่วนที่มีการมองว่าควรจะให้ปัญหามีการเจรจาแบบทวิภาคี ดีกว่าจะให้ชาติอื่นเข้ามาแทรกแซงนั้น เรื่องนี้ต้องถามรัฐบาลกับกระทรวงการต่างประเทศ
สตช.รุกตรวจค้นอาวุธม็อบเหลือง
ในส่วนการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ยังปิดถนนโดยไม่สน พ.ร.บ.ความมั่นคงนั้น พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงความคืบหน้าการดำเนินการของ ศอ.รส. เกี่ยวกับการชุมนุมว่า ศอ.รส.มีความพร้อม ไม่ให้มีการปิดล้อมหรือบุกรุกสถานที่ทำเนียบรัฐบาลและรัฐสภา ภาพรวมการชุมนุมอยู่ในความสงบเรียบร้อยพอสมควร มีข้อมูลบางกลุ่มนำอาวุธเข้ามาบริเวณสถานที่ชุมนุม และบริเวณใกล้เคียง เป็นพฤติกรรมที่ส่อเจตนาที่ไม่หวังดี อาจจะทำให้เกิดเหตุรุนแรง เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องขอเข้าตรวจค้นจุดที่ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ รวมทั้ง ผบ.ตร.มีคำสั่งให้เพิ่มความเข้มจุดตรวจสกัดอาวุธ และวัตถุต้องสงสัยพื้นที่โดยรอบสถานที่ชุมนุม เพื่อไม่ให้มีกลุ่มบุคคลเข้ามาสร้างสถานการณ์
ขอหมายเรียกอีก 40 แกนนำ
ส่วนการออกหมายเรียกแกนนำพันธมิตรฯนั้น พล.ต.ต.ประวุฒิกล่าวต่อว่า ขณะนี้ได้ออกหมายเรียก 10 คน ที่เข้าข่ายกระทำความผิดตามกฎหมาย ผบ.ตร.กำชับเจ้าหน้าที่ให้ใช้การบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ ไม่ให้ เป็นเงื่อนไขของกลุ่มผู้ชุมนุม และดำเนินการตามขั้นตอน นำตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี โดยกลุ่มผู้ถูกหมายเรียก จะเป็นแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ขึ้นเวทีปราศรัย คาดว่า พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. หัวหน้าพนักงานสอบสวน จะออกหมายเรียกแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯเพิ่มเติมประมาณ 30-40 คน โดยตามขั้นตอนการออกหมายเรียก จะมีการออกหมายเรียก 2 ครั้ง หากไม่มาพบพนักงานสอบสวนตามกำหนด จะมีการขออำนาจศาลเพื่อขออนุมัติหมายจับกุมทันที
พธม.ไฟเขียว ตร.ค้นอาวุธในม็อบ
ที่หน้ากระทรวงศึกษาธิการ เวลา 10.00 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรฯ และนายประพันธ์ คูณมี โฆษกการชุมนุม ร่วมแถลงข่าวอนุญาตให้ตำรวจเข้ามาตรวจค้นอาวุธภายในสถานที่ชุมนุมได้ โดยระบุเป็นเรื่องดี และขอสนับสนุน เพราะการชุมนุมนี้ ห้ามมีการนำอาวุธเข้ามาอยู่แล้ว ถ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบขอให้ดำเนินการตามกฎหมายได้เลย โดยที่ พธม.จะไม่ ประกันตัวให้ อย่างไรก็ตาม ได้มอบหมายให้นายแซมดิน เลิศบุศย์ เป็นผู้ประสานการเดินตรวจค้นทั่วบริเวณการชุมนุม ขณะที่นายปานเทพกล่าวว่า กรณีที่ ศอ.รส. ประกาศรายชื่อ 10 แกนนำ พธม.ที่กระทำความผิด พ.ร.บ.ความ มั่นคงฯ ในการชุมนุมครั้งนี้ ขอยืนยันว่าขณะนี้เรายังไม่ ได้รับหมายเรียก หากได้รับมาเมื่อไหร่ ก็จะเดินทางไปมอบตัวและต่อสู้คดีตามกฎหมายต่อไป การที่ ศอ.รส. พยายามออกข่าวล่วงหน้าทั้งที่ยังไม่มีหมายเรียกที่ชัดเจน ถือเป็นการข่มขู่ประชาชนที่มาชุมนุม
บิ๊กแต้มนำค้นอาวุธเจอโดนโห่
ในเวลาเดียวกัน พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น. 1 พร้อมด้วยกำลังตำรวจกว่า 40 นาย ได้เข้ามาในพื้นที่ชุมนุม ตรวจค้นอาวุธอย่างละเอียดทั้งในเต็นท์และกระเป๋า ของผู้ชุมนุมทุกคน โดยกระจายกำลังตรวจค้นทุกพื้นที่ตั้งแต่เวทีกองทัพธรรม เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ถนนพิษณุโลก ไปจนถึงเวทีของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่สะพานมัฆวานฯ และเมื่อกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงเวทีใหญ่ ก็ถูกกลุ่มผู้ชุมนุมเขย่ามือตบและโห่ใส่ แต่ไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น ระหว่างนั้น พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ หนึ่งในแกนนำการชุมนุมครั้งนี้ ได้เดินเข้ามาโอบกอดและตบไหล่ ผบก.น.1 พร้อมกล่าวว่า การชุมนุมของพันธมิตรฯครั้งนี้ ทำเพื่อประเทศชาติในการปกป้องดินแดน ขอให้ตำรวจลุกขึ้นมาปกป้องดินแดนเหมือนพวกพันธมิตรฯ
พบมีด-ลั่นจะลุยค้นต่อเนื่อง
พล.ต.ต.วิชัยเปิดเผยว่า จากการตรวจค้นพื้นที่ชุมนุม พบอาวุธมีดปลายแหลม 1 ด้าม และเสื้อเกราะ เจ้าของมีดอ้างว่า เอามาใช้เป็นเครื่องมือจัดเตรียมพื้นที่ชุมนุม แต่มีดดังกล่าวมีลักษณะเป็นอาวุธชัดเจน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย จากนี้ไปจะมี การตรวจค้นอาวุธภายในพื้นที่ชุมนุมอยู่เรื่อยๆ จนกว่าจะยุติการชุมนุม ส่วนการออกหมายเรียกแกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง 10 คน ให้มารายงานตัวในวันที่ 22 ก.พ.นี้ ถ้าแกนนำมามอบตัวเมื่อใด จะสอบสวนด้วยตัวเอง เพราะตนเป็นหนึ่งในคณะกรรมการสอบสวนด้วย
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น